“สุริยะ” สั่งติดตามช่วยเหลือน้ำท่วมภาคเหนือ พร้อมเร่งแก้ปัญหารถไฟตกราง
“สุริยะ” ขานรับข้อสั่งการนายกฯ หลังเกิดเหตุน้ำท่วมภาคเหนือ ส่งผลให้ถนนหลายสายผ่านไม่ได้-รถไฟพลิกตกราง สั่งทุกหน่วยเข้าช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชม. ด้าน รฟท. เร่งดูแลผู้โดยสาร ซ่อมแซมทางจากเหตุขบวนรถตกราง ระหว่างสถานีแก่งหลวง-บ้านปิน พร้อมแจ้งปรับเปลี่ยน-งดเดินขบวนรถเส้นทางเหนือชั่วคราว วันนี้-1 ต.ค.66
จากสถานการณ์ฝนตกหนักตลอดทั้งคืน และเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ เช่น อ.เด่นชัย อ.ลอง อ.สูงเม่น และ อ.เมืองแพร่ ส่งผลให้ถนนหลายสายถูกน้ำท่วมขังส่งผลทำให้การจราจรติดขัด รถไม่สามารถขับผ่านสัญจรได้ตามปกติ รวมถึงเกิดน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมทางรถไฟระหว่างช่วงแก่งหลวง-บ้านปินขาดระยะทางประมาณ 20 เมตร ทำให้รถไฟด่วนพิเศษขบวนที่ 13 เส้นทางกรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่ เกิดอุบัติเหตุตกรางพลิกตะแคง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งกีดขวางการเดินรถนั้น
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่มีฝนตกหนักในพื้นที่ทางภาคเหนือ โดยเฉพาะ จ.แพร่ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมถนนหลายสาย รวมถึงเกิดอุบัติเหตุทางรถไฟนั้น ตนได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานของกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์โดยเร่งด่วน และประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ตามข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
ขณะเดียวกันให้เร่งดำเนินการตามแผนป้องกัน เยียวยาสาธารณภัย และบูรณาการการดำเนินการร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือประชาชน อีกทั้งให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลต่างๆ และรายงานผลการดำเนินงานให้กระทรวงคมนาคมรับทราบในทันที รวมถึงผลกระทบจากอุทกภัยต่อการคมนาคมขนส่ง ทั้งทางบก ทางน้ำทางราง และทางอากาศ รวมถึงการสัญจรของประชาชนในพื้นที่ด้วย นอกจากนี้กำชับให้ดำเนินการติดตั้งป้ายเตือน ป้ายแนะนำเส้นทางเสี่ยงบริเวณสายทางที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนภายใน 24 ชั่วโมง (ชม.)
นายสุริยะ กล่าวต่ออีกว่า ตนยังได้สั่งการให้ทุกหน่วย เตรียมความพร้อมถึงผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้น และเตรียมความพร้อมในขั้นตอนการป้องกัน (ก่อนเกิดภัย) การเผชิญเหตุ (ขณะเกิดภัย) และขั้นการฟื้นฟู (หลังเกิดภัย) เพื่แบรรเทา แก้ไข หรือคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่ให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว อย่างไรก็ตามประชาชนผู้ประสบเหตุอุทกภัย สามารถขอรับการช่วยเหลือจากกระทรวงฯ ได้ที่สายด่วนติดต่อขอความช่วยเหลือ (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชม.) ได้แก่ สายด่วน 1356 กระทรวงคมนาคม, สายด่วน 1586 กรมทางหลวง, สายด่วน 1146 กรมทางหลวงชนบท, สายด่วน 1690 การรถไฟแห่งประเทศไทย และสายด่วน 1199 กรมเจ้าท่า
ด้านนายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ตามที่เกิดสถานการณ์ฝนตกหนักหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ทำให้เกิดน้ำท่วมเฉียบพลันและน้ำป่าไหลหลาก อีกทั้งมีมวลน้ำไหลเข้าท่วมทางรถไฟระหว่างสถานีแก่งหลวง-บ้านปิน อ.ลอง จ.แพร่ ส่งผลให้ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่ เกิดตกราง และขบวนรถอื่นในเส้นทางสายเหนือไม่สามารถเดินรถผ่านได้นั้น
เบื้องต้น หลังเกิดเหตุนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการกำชับให้ รฟท. เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้โดยสาร และจัดการดูแลผู้โดยสารให้เดินทางต่อถึงที่หมายให้รวดเร็ว เรียบร้อย ปลอดภัย พร้อมกับเข้าไปดำเนินการซ่อมแซมปรับปรุงทางรถไฟ เพื่อให้สามารถเปิดเดินรถได้ตามปกติโดยเร็ว
นอกจากนี้ยังมอบหมายให้ รฟท. ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่และรายงานสาเหตุของความเสียหาย ตลอดจนแนวทางแก้ไขเพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุในลักษณะนี้ซ้ำขึ้นอีก พร้อมกันนี้ยังให้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหากเกิดเหตุจำเป็นให้รายงานต่อรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อสั่งการโดยทันที
ทั้งนี้ภายหลังได้รับการมอบหมาย นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้สั่งการให้ผู้บริหาร รฟท. ลงพื้นที่เกิดเหตุและสั่งการให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการยกรถที่ตกรางอย่างเร่งด่วน โดยคาดว่าจะสามารถยกรถที่ตกรางแล้วเสร็จภายในวันนี้ (30 ก.ย.2566)
ขณะที่การดูแลผู้โดยสารไม่พบผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ซึ่ง รฟท. ได้จัดรถอำนวยความสะดวกขนถ่ายผู้โดยสาร ให้เดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนการปรับปรุงเส้นทาง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ลงสำรวจพื้นที่แล้ว โดยพบว่าเส้นทางรถไฟช่วงระหว่างสถานีแก่งหลวง-บ้านปิน ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางรถไฟได้รับความเสียหาย มีน้ำกัดเซาะหินบนทางรถไฟระยะทางประมาณ 20 เมตร ซึ่งจะเร่งดำเนินการซ่อมแซมให้เสร็จโดยเร็วที่สุด
ดังนั้นจากสถานการณ์ดังกล่าว รฟท. จึงมีเหตุจำเป็น ขอแจ้งปรับเปลี่ยนสถานีต้นทางปลายทางของขบวนรถในเส้นทางสายเหนือ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ยังมีความจำเป็นในการเดินทาง พร้อมกับแจ้งงดเดินรถบางขบวนให้มีความเหมาะสมต่อสถานการณ์และความปลอดภัยของผู้โดยสาร ระหว่างวันที่ 30 ก.ย.-1 ต.ค.2566 มีโดยรายละเอียด ดังนี้
วันที่ 30 ก.ย.2566
ปรับเปลี่ยนสถานีต้นทางปลายทาง จำนวน 7 ขบวน ประกอบด้วย
1.ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่ ขนถ่ายผู้โดยสารทางรถยนต์จากสถานีเด่นชัยไปยังสถานีปลายทางตามตั๋วโดยสาร เริ่มจากบ้านปิน แม่เมาะ ลำปาง ลำพูน จนถึงปลายทางเชียงใหม่ เพื่อเป็นการดูแลผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว
2.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 407 นครสวรรค์-เชียงใหม่ มีเดินเฉพาะช่วง นครสวรรค์-เด่นชัย และลำปาง-เชียงใหม่
3.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 408 เชียงใหม่-นครสวรรค์ มีเดินเฉพาะช่วง เชียงใหม่-ลำปาง-เชียงใหม่ และมีเดินเฉพาะช่วงเด่นชัย-นครสวรรค์
4.ขบวนรถเร็วที่ 109 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่ มีเดินเฉพาะช่วงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-ศิลาอาสน์
5.ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 7 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่ มีเดินเฉพาะช่วงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-ศิลาอาสน์ จากนั้นขนถ่ายผู้โดยสารทางรถยนต์ไปยังสถานีปลายทาง
6.ขบวนรถด่วนที่ 52 เชียงใหม่-สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มีเดินเฉพาะช่วงศิลาอาสน์-สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
7.ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 8 เชียงใหม่-สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มีเดินเฉพาะช่วงสถานีศิลาอาสน์-สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
งดเดินขบวนรถ จำนวน 6 ขบวน
1.ขบวนรถเร็วที่ 51 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่
2.ขบวนรถเร็วที่ 102 เชียงใหม่-สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
3.ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13/14 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่-สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
4.ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 9/10 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่-สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
วันที่ 1 ต.ค.2566
ปรับเปลี่ยนสถานีต้นทางปลายทาง จำนวน 3 ขบวน
1.ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 7 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่ มีเดินเฉพาะช่วงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-ศิลาอาสน์
2.ขบวนรถเร็วที่ 102 เชียงใหม่-สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มีเดินเฉพาะช่วงศิลาอาสน์-สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
3.ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 8 เชียงใหม่-สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มีเดินเฉพาะช่วงศิลาอาสน์-สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
งดเดินขบวนรถ จำนวน 2 ขบวน
1.ขบวนรถด่วนที่ 52 เชียงใหม่-สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
2.ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 14 เชียงใหม่-สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
นายเอกรัช กล่าวต่อว่า ในช่วงฤดูฝนที่กำลังมาถึงนี้ ผู้ว่า รฟท. ยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำและปริมาณฝนตกอย่างใกล้ชิด โดยให้ฝ่ายการช่างโยธา และนายสถานีในพื้นที่ได้เฝ้าระวังเพื่อประเมินและแก้ไขสถานการณ์อย่างเหมาะสม ตลอดจนให้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ มาตรการด้านความปลอดภัย อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยในการเดินทางแก่ผู้โดยสารให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
ส่วนประชาชนที่ซื้อตั๋วโดยสารไว้ล่วงหน้าในเส้นทางที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม หากไม่ประสงค์เดินทางสามารถติดต่อขอคืนเงินค่าตั๋วโดยสารได้เต็มจำนวน ที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งขอให้ผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางกรุณาตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งก่อนเดินทาง ซึ่ง รฟท. ต้องขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้