ลุยสำรวจออกแบบถนนเลี่ยงเมืองพัทลุง 12 กม. ช่วยบรรเทารถติดในตัวเมือง
กรมทางหลวงชนบท สำรวจออกแบบถนนเลี่ยงเมืองพัทลุง อ.ควนขนุน, เมือง จ.พัทลุง 12 กม. ช่วยบรรเทารถติดในตัวเมือง รองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจการคมนาคมขนส่ง อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวภาคใต้
วันนี้ (2 พ.ย.2566) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ดำเนินการศึกษาความเหมาะสม และสำรวจออกแบบถนนเลี่ยงเมืองพัทลุง (ด้านเหนือ) อ.ควนขนุน, เมือง จังหวัดพัทลุง เพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาโครงข่ายคมนาคม การท่องเที่ยว การขนส่งผลผลิตทางการเกษตร และบรรเทาปริมาณจราจรของถนนสายหลัก ทล.4047 (ถนนราเมศวร์) เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย พร้อมจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ให้มากที่สุด
จ.พัทลุง มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจในการสร้างรายได้ของประเทศ ทั้งด้านการท่องเที่ยว การขนส่ง ปัจจุบันการขยายตัวของเศรษฐกิจมีข้อจำกัด เนื่องจากมีถนนสายหลักในการเดินทางเพียงสายเดียว คือ ทล.4047 (ถนนราเมศวร์) ซึ่งเป็นเส้นทางเพื่อการขนส่งสินค้า และการเดินทางเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดพัทลุง และจังหวัดโดยรอบ ทำให้การจราจรติดขัด เกิดความล่าช้าในการเดินทางขนส่งสินค้า
ทั้งนี้เพื่อบรรเทาปริมาณจราจรของ ทล.4047 (ถนนราเมศวร์) แก้ไขปัญหาจราจรที่ติดขัดบริเวณทางแยก และพัฒนาเป็นทางลัด (By pass) ทางเลี่ยง (Shortcut) รวมทั้งรองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของพื้นที่โครงการ พร้อมยกระดับมาตรฐาน ความสะดวกปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน
ทช. จึงได้ดำเนินโครงการศึกษาความเหมาะสม และสำรวจออกแบบถนนเลี่ยงเมืองพัทลุง (ด้านเหนือ) อ.ควนขนุน, เมือง จ.พัทลุง ซึ่งเป็นการศึกษาคัดเลือกแนวสายทาง
รูปแบบที่เหมาะสม และศึกษาความคุ้มค่าทางด้านเศรษฐศาสตร์ พร้อมประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น สำรวจออกแบบ และประมาณการราคาของถนนสายดังกล่าว ซึ่งมีระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร ครอบคลุม 2 อำเภอ คือ อ.ควนขนุน และ อ.เมืองพัทลุง
ทั้งนี้ ทช. ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน กลุ่มเป้าหมาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำชุมชน ผู้แทนกลุ่มต่าง ๆ ในพื้นที่อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ไปแล้วจำนวน 4 ครั้ง เพื่อให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการฯ ความเป็นมา ลักษณะโครงการ ขั้นตอนการดำเนินงาน ขอบเขตการศึกษา พร้อมทั้งได้ตอบข้อซักถาม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากผู้ที่เข้าร่วมประชุม เพื่อให้การดำเนินงานสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ให้มากที่สุด