Logistic

“แอร์บัส” จับมือ “LanzaJet” หนุนผลิตเชื้อเพลิงการบินยั่งยืน

วันนี้ (26 มิ.ย.2566) แอร์บัสและลันซาเจ็ต (LanzaJet) บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีเชื้อเพลิงที่ยั่งยืน ได้ประกาศว่าพวกเขาได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรมการบินผ่านการส่งเสริมการผลิตเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF)

MOU นี้เป็นการกำเนิดกรอบความร่วมมือระหว่างแอร์บัสและ LanzaJet เพื่อพัฒนาอาคารที่ใช้วิจัยและศึกษาเชื้อเพลิง SAF ซึ่งจะใช้เทคโนโลยี Alcohol-to-Jet (ATJ) ชั้นนำ ซึ่งผ่านการทดสอบและเป็นกรรมสิทธิ์ของ LanzaJet ข้อตกลงนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อเร่งการรับรองและการยอมรับการใช้ SAF เป็นเชื้อเพลิงแบบดร็อปอิน 100% ซึ่งจะทำให้เครื่องบินที่มีอยู่สามารถบินได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เนื่องจากอุตสาหกรรมการบินมีส่วนรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 2-3% จากการปล่อยก๊าซทั่วโลก ตัวแทนจากสายการบิน รัฐบาล รวมถึงผู้นำด้านพลังงานต่างยืนยันว่าการใช้ SAF เป็นหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการบิน ร่วมกับการพัฒนาฝูงบินให้ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ลดการปล่อยมลพิษและการปรับการให้บริการทางการบิน

“SAF เป็นวิธีแก้ปัญหาระยะสั้นที่ดีที่สุดในการลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ และความร่วมมือระหว่าง LanzaJet กับแอร์บัสในเรื่องนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานทั่วโลก” จิมมี่ ซามาร์ทซิส (Jimmy Samartzis) ซีอีโอของ LanzaJet กล่าว “เราหวังว่าจะได้ร่วมงานกับแอร์บัสต่อไปและขยายประโยชน์ของความร่วมมือในครั้งนี้ออกไปสู่โลก”

เทคโนโลยี alcohol-to-jet หรือ ATJ ที่เป็นเอกสิทธิ์ของ LanzaJet เป็นการใช้เอธานอลที่มีคาร์บอนต่ำเพื่อสร้าง SAF ที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 70% เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังสามารถลดการปล่อยก๊าซได้มากขึ้นด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของ LanzaJet การพัฒนา SAF ของ LanzaJet เป็นการผลิตเชื้อเพลิงแบบดร็อปอินที่ได้รับการอนุมัติ สามารถเข้ากันได้กับเครื่องบินและโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่

“เรามีความยินดีที่ได้ความร่วมมือกับ LanzaJet ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในวงการการผลิต SAF เนื่องจากที่แอร์บัส เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุน SAF ในฐานะปัจจัยหลักในแผนการดำเนินงานเพื่อลดการปล่อยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์” จูลี่ คิชเชอร์ (Julie Kitcher) รองประธานบริหารฝ่ายสื่อสารองค์กรและความยั่งยืนของแอร์บัส กล่าว “เนื่องด้วย LanzaJet เป็นพันธมิตรที่เราเชื่อถือได้ แอร์บัสจึงอำนวยความสะดวกและสนับสนุน Alcohol-to-Jet SAF ทั้งในส่วนของความเร็วในการผลิต รวมถึงปริมาณการผลิต ความร่วมมือนี้ยังเป็นถือเป็นสำรวจและการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้เครื่องบินแอร์บัสสามารถบินโดยใช้ SAF ได้สูงสุดถึง 100% ภายในทศวรรษนี้”

ความร่วมมือในครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่า SAF จะถูกนำไปใช้มากขึ้น นอกเหนือจากการพัฒนาเทคโนโลยีและโครงการพัฒนา SAF ที่เป็นรูปธรรมแล้ว ยังเป็นโอกาสดีที่ LanzaJet และแอร์บัส จะได้สำรวจโอกาสทางธุรกิจทั่วโลกร่วมกับสายการบินและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ อีกด้วย

 

Loading

Back to top button