สนามบินสุวรรณภูมิ จับมือ ททท. ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนตามมาตรการวีซ่าฟรี
สนามบินสุวรรณภูมิ จับมือ ททท. จัดกิจกรรมต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนตามมาตรการวีซ่าฟรี พร้อมมอบพวงมาลัย ของที่ระลึก สร้างความประทับใจ เผยความพร้อมทุกด้านรองรับเที่ยวบิน ผู้โดยสารเพิ่ม
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดกิจกรรมต้อนรับผู้โดยสารที่เดินทางมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามมาตรการ VISA Free เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.2566-29 ก.พ.2567 รวมระยะเวลา 5 เดือน โดยในโอกาสต้อนรับเที่ยวบินในวันเริ่มต้นมาตรการนี้ได้มีการมอบของที่ระลึกเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้โดยสารด้วย
วันนี้ (25 ก.ย.2566) เวลา 10.15 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนตามมาตรการวีซ่าฟรี (VISA Free) โดยมี นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พลตำรวจโทสุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พลตำรวจตรีมนตรี แป้นเจริญ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมมอบพวงมาลัยและของที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากนครเซี่ยงไฮ้ ด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ เที่ยวบินที่ XJ 761 จำนวน 341 คน ประกอบด้วย นักท่องเที่ยวสัญชาติจีน 306 คน และสัญชาติอื่นๆ 35 คน ณ บริเวณทางออกจากเครื่องบิน Gate D4 ชั้น 2 อาคารเทียบเครื่องบิน D อาคารผู้โดยสาร ทสภ.
โดยจากข้อมูลผู้โดยสารของ ทสภ. ใน 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 (1 ต.ค.2565-31 ส.ค.2566) พบว่าชาวจีนเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่าน ทสภ. เป็นอันดับ 1 ซึ่งจากจำนวนผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศทั้งหมด 16,888,478 คน เป็นผู้โดยสารสัญชาติจีน 1,587,246 คน คิดเป็นร้อยละ 9.40 รองลงมา ได้แก่ สัญชาติอินเดีย 1,248,737 คน คิดเป็นร้อยละ 7.39 และอันดับ 3 ได้แก่ สัญชาติเกาหลีใต้ 1,110,567 คน คิดเป็นร้อยละ 6.58
ทั้งนี้ ทสภ. คาดว่าหลังจากเริ่มต้นมาตรการ VISA Free แล้ว จะมีจำนวนสายการบินที่ทำการบินระหว่าง ทสภ. กับ ท่าอากาศยานต่างๆ จากจีนเพิ่มขึ้นเป็น 25 สายการบิน จากเดิมก่อนเริ่มมาตรการฯ มีสายการบินทำการบินจำนวน 19 สายการบิน สำหรับจำนวนเที่ยวบินคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3,075 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 เมื่อเทียบกับเดือน ส.ค. ซึ่งมีเที่ยวบิน 2,132 เที่ยวบิน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย. ซึ่งมีเที่ยวบิน 2,335 เที่ยวบิน ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารที่เดินทางเข้า-ออก ระหว่าง ทสภ. และประเทศจีนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
โดยคาดว่าในเดือน ต.ค. จะมีจำนวน 589,993 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 77 เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม ที่มีผู้โดยสารอยู่ที่ 333,344 คน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 61 เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย. ที่มีผู้โดยสารอยู่ที่ 365,980 คน ซึ่งคาดว่าจากจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางจากจีนทั้งหมดนั้นจะเป็นผู้โดยสารสัญชาติจีน 295,505 คน คิดเป็นประมาณร้อยละ 50.08
นอกจากนี้เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้น และเพื่อให้การบริการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทสภ.ได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้มีความพร้อมทุกด้าน มีการประสานบริษัทผู้ให้บริการภาคพื้น ณ ทสภ. ทั้ง 2 ราย (บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟลท์เซอร์วิส จำกัด) ให้ดำเนินการเพิ่มจำนวนบุคลากรและอุปกรณ์ให้สอดคล้องกับจำนวนเที่ยวบิน
ขณะเดียวกัน ทสภ. ได้ปรับปรุงพื้นที่ให้บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับย้ายจุดตรวจค้นผู้โดยสารช่องทางพิเศษ (Fast Track) โซน 3 ชั้น 4 อาคารผู้โดยสารหลัก ไปยังบริเวณเคาน์เตอร์เช็กอิน Row W ซึ่งจะทำให้พื้นที่จุดตรวจหนังสือเดินทางขาออก โซน 3 มีพื้นที่ให้บริการสำหรับผู้โดยสารทั่วไปเพิ่มมากขึ้น โดยกำหนดเริ่มเปิดให้บริการจุดตรวจค้น Fast Track ใหม่นี้ ในวันที่ 2 ต.ค.2566 เป็นต้นไป ซึ่งจะช่วยลดความแออัดและเพิ่มความสะดวกให้ผู้โดยสารได้มากขึ้น
พร้อมกับเตรียมแผนงานรองรับกรณีผู้โดยสารมีความคับคั่งทั้งส่วนของกระบวนการผู้โดยสารขาเข้า และขาออก โดยประสานการทำงานกับกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 อย่างใกล้ชิด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ ตม. นั่งเต็มทุกเคาน์เตอร์ในชั่วโมงเร่งด่วน รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและแนะนำผู้โดยสารก่อนเข้าจุดตรวจค้นผู้โดยสารและสัมภาระ การเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดห้องน้ำ เป็นต้น
ทางด้านบริการรถแท็กซี่สาธารณะ ผู้ใช้บริการสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SAWASDEE by AOT เพื่อดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ ทสภ. และจองการใช้บริการรถแท็กซี่ได้ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว ใช้เวลาในการรอคิวน้อยที่สุด ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนรถแท็กซี่ฯ ในระบบเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นประมาณ 4,400 คัน และ ทสภ. คาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนรถแท็กซี่ฯ เข้าระบบ เพื่อรองรับการใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้นได้เป็น 4,500 คันในระยะต่อไป
หากผู้โดยสารต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ AOT Contact Center หมายเลขโทรศัพท์ 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง