“มนพร” พร้อมรับเรือ-นักท่องเที่ยวจากเบลเยี่ยม 800 คน จอดที่ท่าเรือกรุงเทพ
“มนพร” ต้อนรับเรือท่องเที่ยว “MS. WORLD ODYSSEY” @เบลเยี่ยม นักท่องเที่ยว 800 คน ที่นำเรือจอดที่ท่าเทียบเรือ OB ท่าเรือกรุงเทพ หนุนการท่องเที่ยวเรือสำราญรัฐบาล พัฒนาเป็นท่าเทียบเรือสำราญที่มีศักยภาพ ความพร้อม และสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว สร้างรายได้ส่งเสริมเศรษฐกิจไทย
วันนี้ (22 ธ.ค.2566) การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ให้การต้อนรับเรือท่องเที่ยว “MS. WORLD ODYSSEY” โดยได้รับเกียรติจากนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (รชค.) เดินทางมาร่วมให้การต้อนรับ นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. พร้อมด้วยนายอภิเสต พงษ์สุวรรณ รองผู้อำนวยการ กทท. สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ เรือโทภูมิ แสงคำ ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ นายแถมสิน ศรีบางพลีน้อย รองผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ นางสาวผานิตตา เจริญผล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ กทท. สายตรวจสอบ นายสุพจน์ มงคลศิริเกียรติ ที่ปรึกษาสมาคมเจ้าของและตัวแทนเรือกรุงเทพฯ และพนักงาน กทท. ณ ท่าเทียบเรือ 22 A (OB) ท่าเรือกรุงเทพ
สำหรับเรือ “MS. WORLD ODYSSEY” สัญชาติ NASSAU ได้รองรับนักท่องเที่ยว จำนวนประมาณ 800 คน ประกอบด้วยคณะนักเรียน นักศึกษา อาจารย์ชาวต่างประเทศ และลูกเรือ โดยได้ออกเดินทางจากเมืองแอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 9 ก.ย.2566 และแวะท่องเที่ยวในเส้นทางล่องเรือประเทศโซนยุโรปก่อนเข้าท่าเทียบเรือ ณ ท่าเทียบเรือ OB แห่งนี้ โดยเรือมีกำหนดเดินทางออกในวันที่ 5 ม.ค.2567
ผู้อำนวยการ กทท. เปิดเผยว่า “ในช่วงไตรมาสแรก ประจำปี 2567 กทท. ได้รับเรือท่องเที่ยวเข้าเทียบท่าอย่างต่อเนื่อง รวมแล้วกว่า 5 เที่ยว เนื่องจากเป็นช่วง High Season ในประเทศไทย ซึ่งท่าน รชค. ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการต้อนรับเรือท่องเที่ยว โดยกำหนดนโยบายหลักในการสนับสนุนการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล โดยให้พัฒนาท่าเรือกรุงเทพเป็นท่าเทียบเรือท่องเที่ยว (Cruise Terminal) สำหรับเทียบท่าเรือสำราญขนาดกลางและขนาดใหญ่ มีก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พักคอย ห้องน้ำ จุดบริการเรียกรถรับส่ง ฯลฯ
ซึ่งขณะนี้ กทท. มีความพร้อมในการรองรับเรือท่องเที่ยว เพื่อขานรับนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวของรัฐบาล และเป็นการสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่จะช่วยประชาสัมพันธ์เผยแพร่ให้นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ถือเป็นโอกาสที่ดีในการช่วยสนับสนุนกระตุ้นการใช้จ่าย อันจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนสร้างรายได้ให้ประเทศอีกด้วย”