“นายก” ไฟเขียว “คมนาคม” ลุยอัปเกรดเชื่อมโยงระบบขนส่ง-เดินทาง @เชียงใหม่
“นายก” ไฟเขียว “คมนาคม” เชื่อมโยงระบบขนส่ง-เดินทางพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ลุยพัฒนาถนนเพิ่มศักยภาพระหว่างภูมิภาค พร้อมปฏิบัติการฝนหลวง บรรเทาปัญหาหมอกควัน-ฝุ่น PM 2.5
วันนี้ (11 ม.ค.2567) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการเชื่อมโยงระบบขนส่งและการเดินทางในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ แนวทางการพัฒนาถนนเพิ่มศักยภาพการเดินทางระหว่างภูมิภาค และความพร้อมปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM 2.5 โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ ห้องประชุมกองบิน 41 จ.เชียงใหม่
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้เดินทางร่วมกับคณะตรวจราชการของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งที่กระทรวงคมนาคมได้เสนอในที่ประชุม รวมถึงการบรรเทาหมอกควันและฝุ่นละออง PM 2.5
ทั้งนี้ การประชุมของนายกรัฐมนตรีและคณะ ร่วมกับส่วนราชการในจังหวัด ได้รับฟังการบรรยายสรุปโครงการสำคัญที่เชื่อมโยงระบบขนส่งและการเดินทางในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ได้แก่ โครงการก่อสร้างสนามบินล้านนา (เชียงใหม่แห่งที่ 2) โครงการรถแดงไฟฟ้า (EV) โครงการก่อสร้างถนนวงแหวนรอบ 3 เชียงใหม่ แผนการเดินทางจากสนามบินเชียงใหม่ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ รวมถึงการพัฒนาถนนเพื่อเพิ่มศักยภาพการเชื่อมโยงเชียงใหม่และจังหวัดในภาคเหนือ โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้
1.เร่งผลักดันโครงการท่าอากาศยานเชียงใหม่แห่งที่ 2 พื้นที่ประมาณ 8,000 ไร่ ตั้งอยู่ใน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่และ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการให้สามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของเศรษฐกิจและการเพิ่มเส้นทางการบินในอนาคต
2.แผนพัฒนาถนนวงแหวนรอบเมืองเชียงใหม่ รอบที่ 3 (ทล.121) ระยะทางรวม 52.957 กิโลเมตร เพื่อแก้ปัญหาปริมาณรถสะสมและการจราจรติดขัดบริเวณทางแยกสัญญาณไฟ
3.แผนพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยว 7 แห่ง ได้แก่ สวนพฤกษศาสตร์ ไนท์ซาฟารี อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ น้ำตกห้วยแก้ว สวนสัตว์เชียงใหม่ และเวียงกุมกาม โดยกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) อยู่ระหว่างประสานผู้ประกอบการขนส่งเข้ามาทำการเดินรถในเส้นทาง สำหรับรถสองแถว (รถแดง) ได้กำชับให้เข้มงวดการติดป้ายแสดงราคาที่เป็นมาตรฐานชัดเจนบริเวณตัวรถและเพิ่มจุดหยุด-รับส่งผู้โดยสารให้ครอบคลุมและสะดวกในการเดินทาง ในส่วนของการส่งเสริมระบบขนส่งสาธารณะเป็นยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อลดปัญหามลพิษและฝุ่น PM 2.5 มอบให้ ขบ. พิจารณากำหนดมาตรฐานการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ของรถโดยสารสาธารณะ รวมทั้งหาแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมและปลอดภัย
จากนั้น คณะนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางติดตามความพร้อมปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM2.5 ชมการสาธิตวิธีการปล่อยฝนหลวง และตรวจเยี่ยมศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่าภาคเหนือ ณ บริเวณจุดจอดอากาศยานกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กองบิน 41
อย่างไรก็ตามได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือในการทำงาน ช่วยกันพัฒนาโครงข่ายทางถนน สนับสนุนการใช้รถไฟฟ้า เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสาธารณะ และเร่งผลักดันระบบขนส่งสาธารณะให้ทั่วถึงเพื่อลดการใช้ยานพาหนะส่วนบุคคล ดึงดูดให้คนเชียงใหม่หันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทาง ลดปัญหาการจราจร ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยลดปัญหาการเกิด PM 2.5