“สุริยะ” ลุยอัปเกรดโครงข่ายถนน 3 จังหวัดอีสาน เพิ่มศักยภาพการเดินทาง ช่วยแก้น้ำท่วม
“สุริยะ” เดินหน้าพัฒนาโครงข่ายถนน 3 จังหวัดอีสาน ร้อยเอ็ด-กาฬสินธุ์-มหาสารคาม เพิ่มศักยภาพการเดินทางของพี่น้องประชาชน หนุนการขนส่งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม ช่วยแก้ปัญหาอุทกภัย
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ประชุมพร้อมลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการสำคัญของกระทรวงคมนาคม โดยมี นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมประชุม ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้แทนภาคเอกชน และประชาชนให้การต้อนรับ เมื่อวันที่ 3 ก.พ.2567 ณ ห้องประชุมพระธาตุนาดูน สำนักงานทางหลวงที่ 8 มหาสารคาม จุดตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาตลิ่งริมแม่น้ำชีทรุดตัว ถนน ทล.213 (ตู้ยามบ้านดินดำ) อ.เมือง จ.มหาสารคาม หอประชุมที่ว่าการอำเภอศรีสมเด็จ และองค์การบริหารส่วนตำบลนาเมือง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวว่า ได้เดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และ มหาสารคาม เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการสำคัญต่าง ๆ ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม พร้อมประชุมมอบนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดเร่งพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน เส้นทางคมนาคมขนส่งให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดในการขนส่งสินค้า การเดินทาง และการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล โดยได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ มุ่งเน้นการดูแลบริการประชาชนด้านการคมนาคมเป็นหัวใจสำคัญ รวมถึงเส้นทางคมนาคมจากเมืองสู่ชุมชนให้สะดวกปลอดภัย และมีความมั่นใจว่าในวาระรัฐบาลชุดนี้ กระทรวงคมนาคมจะพัฒนาการคมนาคมขนส่งกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยวได้มากที่สุด จึงได้เร่งผลักดันการดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและโครงการพัฒนาโครงข่ายสำคัญในพื้นที่กลุ่มจังหวัดอย่างต่อเนื่อง โดยมีโครงการสำคัญที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ดังนี้
โครงการก่อสร้างเพิ่มช่องจราจร ทล.202 สาย อ.สุวรรณภูมิ-ยโสธร ทล.2083 สาย อ.มหาชนะชัย-อ.คำเขื่อนแก้ว โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำชี โครงการก่อสร้าง ทล.2040 ตอนมหาสารคาม-วาปีปทุม ทล. 215 ร้อยเอ็ด-อ.ท่าตูม-บ้านหนองเม็ก-บ้านหนองสาหร่าย ทล.213 ตอนมหาสารคาม-หนองขอน
สำหรับแผนการพัฒนาโครงข่ายทางหลวง จ.มหาสารคามเร่งด่วน ได้แก่ โครงการก่อสร้าง ทล.2040 มหาสารคาม-พยัคฆภูมิพิสัย ตอน อ.วาปีปทุม-อ.พยัคฆภูมิพิสัย ทล.219 อ.สตึก-อ.พยัคฆภูมิพิสัย ทล.2322 ตอนโกสุมพิสัย-เชียงยืน และ ทล.2063 ตอนบรบือ-โคกสี ขยายจาก 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร โครงการทางเลี่ยงเมืองมหาสารคามด้านตะวันออกและทางเลี่ยงเมือง อ.โกสุมพิสัย และโครงการก่อสร้าง ทล.213 มหาสารคาม-ห้วยปลาหลด ขยายจาก 4 ช่องจราจรเป็น 6 ช่องจราจร
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ในภาพรวมกระทรวงคมนาคมมีนโยบายส่งเสริมและพัฒนาระบบโครงข่ายถนนให้ครอบคลุมความต้องการของประชาชนทั่วประเทศ โดย “ถนน” ต้องช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางจากต้นทางถึงปลายทาง ลดต้นทุนการขนส่ง และมีโครงข่ายที่ส่งเสริมต่อภาคการเกษตร การท่องเที่ยว การค้าการลงทุน และแหล่งอุตสาหกรรม สามารถบูรณาการร่วมกับระบบขนส่งได้ในทุกมิติ เป็นการอำนวยความสะดวกปลอดภัยให้กับประชาชนในทุกพื้นที่ได้ใช้งานอย่างสมบูรณ์และเข้าถึงได้ และเชื่อว่าความมุ่งมั่นตั้งใจในการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงคมนาคมและยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลและนโยบาย “คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน” จะทำให้ประชาชนมีความสุขมากยิ่งขึ้น
จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาตลิ่งริมแม่น้ำชีทรุดตัว บริเวณ ทล.213 (ตู้ยามบ้านดินดำ) เนื่องจากผลกระทบจากอุทกภัย โดยแนวทางการแก้ไขปัญหาได้ก่อสร้างโครงสร้างป้องกันตลิ่งส่วนล่างด้วยคันหินยาแนว ก่อสร้างกำแพงกันดินคอนกรีตเสริมเหล็กสูง 6 เมตร ฐานรากชนิดเข็มต่อตามแบบมาตรฐานกรมทางหลวง พร้อมกับขยายช่องจราจรมีทางเดินเท้าด้านบนและระบบระบายน้ำไปด้วย
ที่ผ่านมาในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.2566 มีท่อส่งน้ำขนาดใหญ่ของการประปาส่วนภูมิภาคในแนวเขตก่อสร้าง และในช่วงเดือน ก.ย.-พ.ย.2566 ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ทำให้มีปริมาณน้ำในแม่น้ำชีมีระดับสูงขึ้นกว่าระดับตอกเสาเข็ม จึงไม่สามารถนำเครื่องจักรเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ แต่ขณะนี้สามารถดำเนินการได้ตามปกติแล้ว จึงได้เร่งดำเนินการ และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.2567 ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะช่วยแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างยั่งยืน เพิ่มความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างทางหลวง แก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนเส้นนี้ให้ประชาชนเดินทางได้อย่างปลอดภัยสะดวกรวดเร็วมากขึ้น
นางมนพร เจริญศรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายหลังจากได้ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาบริเวณ ทล.213 บริเวณตู้ยามตำรวจบ้านดินดำ ต.เกิ้ง อ.เมืองมหาสารคาม ที่ได้รับผลกระทบจากลำน้ำชีเอ่อล้น เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา เนื่องจากอยู่ติดตลิ่งริมแม่น้ำชีจนเกิดน้ำกัดเซาะตลิ่งทำให้ถนนทรุด ได้มอบหมายให้กรมทางหลวงและกรมเจ้าท่าประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างเขื่อนกั้นตลิ่งพังแก้ปัญหาอย่างถาวรในระยะยาว คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในปีงบประมาณ 2568
นอกจากนี้ภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ยังได้เสนอโครงการพัฒนาก่อสร้างสนามบินจังหวัดมหาสารคาม เรียกว่า สนามบินสารสินธุ์ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ การค้าการท่องเที่ยวเชื่อมกับอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ ทั้งนี้ยืนยันว่าปัญหาของพี่น้องประชาชนที่เสนอมายังกระทรวงคมนาคม ได้รับไว้พิจารณาเร่งด่วนตามลำดับความสำคัญทั้งหมด เช่น โครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ติดลำน้ำชีที่เชื่อมระหว่าง จ.ร้อยเอ็ด กับมหาสารคาม โครงการขุดลอกต่างตอบแทน “ขุดดินแลกน้ำ” ของกรมเจ้าท่า เพื่อจะไม่ให้ลำน้ำชีตื้นเขิน และการกำจัดวัชพืชในช่วงที่มีน้ำหลากที่จะเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว