Transport

“เจ้าท่า” เตรียมความพร้อมโครงการจัดการขยะจากเรือในอาเซียน

วันนี้ (7 ก.พ.2567) นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า(จท.) ด้านปลอดภัย เป็นประธานเปิดการประชุมหารือ โครงการการจัดการขยะจากเรือในอาเซียน (Ship Waste Management in ASEAN Project) โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-8 ก.พ.2567 ณ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และ ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี โดยมีหัวหน้าทีมโครงการฯ Mr. Jen Peter Oehlenschlaeger พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

ตามที่ประเทศไทยได้รับข้อเสนอในการเข้าร่วมโครงการ “การจัดการขยะจากเรือในอาเซียน (Ship Waste Management in ASEAN Project)” ซึ่งประเทศไทยได้ตอบรับในการเข้าร่วมดำเนินโครงการ และสนับสนุนเป้าหมายของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนให้บรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน

สำหรับโครงการบริหารจัดการขยะจากเรือที่ยั่งยืนสำหรับประเทศอาเซียน (Sustainable Ship Waste Management For ASEAN Project) สืบเนื่องมาจากประมาณ 20% ของขยะในทะเลมาจากกิจกรรมทางทะเลและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นเส้นทางการเดินทะเลที่หนาแน่นที่สุดในโลก ซึ่งจะต้องประสบปัญหากับขยะทะเลมากกว่าภูมิภาคอื่น

โครงการนี้มีระยะเวลาดำเนินโครงการ 2 ปี (พ.ศ.256-2568) โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาค ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในการจัดการของเสียจากเรือ เช่น มาตรการป้องกันมลพิษทางทะเล การร่วมมือและการสนับสนุนระหว่างประเทศ ในกรณีการปล่อยของเสียที่ผิดกฎหมาย เป็นต้น

อีกทั้งยังสนับสนุนกลุ่มทำงานด้านการขนส่งทางทะเลของอาเซียน (ASEAN Maritime Transport Working Group: MTWG) ในการพัฒนากลยุทธ์ระดับภูมิภาค ซึ่งให้การสนับสนุนข้อมูลสำหรับแนวทางการปฏิบัติที่ยั่งยืนของประเทศ และเพิ่มความตระหนักรู้ เสริมสร้างความสามารถทางเทคนิคในการจัดการของเสียจากเรือ ตลอดจนการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน

นอกจากนั้น ยังแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในความร่วมมือระดับภูมิภาค เนื่องจากเรือซึ่งมีของเสียบรรทุกมาด้วยนั้น จะถูกขนส่งข้ามพรมแดนและบางมาตรการจำเป็นต้องได้รับการประสานงานกันระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน โดยการประชุมหารือในครั้งนี้ สามารถนำความรู้ แนวทางปฏิบัติ และประสบการณ์ของความร่วมมือของประเทศต่างๆ ของสหภาพยุโรป มาปรับใช้ในกลุ่มภูมิภาคอาเซียนตามความเหมาะสม เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการขยะจากเรือภายในประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป

 

Loading

Back to top button