“สนามบินสุวรรณภูมิ” เร่งแก้ให้บริการภาคพื้นสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย
สนามบินสุวรรณภูมิ ขานรับนโยบาย ‘สุริยะ’ เร่งแก้ปัญหาการบริหารจัดการให้บริการภาคพื้น เกิดความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย พร้อมเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ขานรับนโยบายพร้อมเร่งแก้ไขปัญหาการให้บริการภาคพื้นร่วมกับผู้ประกอบการการให้บริการภาคพื้น เพื่อให้ผู้โดยสารและสายการบินได้รับความสะดวก รวดเร็ว พร้อมผลักดันสายการบินไปใช้บริการที่อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1: SAT-1) ลดปัญหาความแออัด พร้อมรองรับผู้โดยสารคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นภายหลังรัฐบาลยกเว้นการตรวจลงตราวีซ่าฟรี จีน คาซัคสถาน อินเดีย
วันนี้ (13 ก.พ.2567) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (รวค.) ได้เชิญประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาการให้บริการภาคพื้นของผู้ประกอบการ ณ ทสภ. เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2567 ที่ผ่านมา และได้สั่งการให้ท่าอากาศยานภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) โดยเฉพาะ ทสภ. ซึ่งมีผู้โดยสารเดินทางผ่านเข้า-ออกเป็นจำนวนมาก ให้มีความพร้อมในการให้บริการ ทั้งการให้บริการภาคพื้นและการบริหารจัดการด้านจราจรทางอากาศ ให้สามารถรองรับปริมาณเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นได้
รวมทั้งให้ประสานงานกันอย่างใกล้ชิดกับสายการบิน และผู้ประกอบการการให้บริการภาคพื้น ทั้ง 2 ราย คือ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟลท์เซอร์วิส จำกัด ในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากร และจัดหาอุปกรณ์ภาคพื้นให้เพียงพอต่อการให้บริการของสายการบิน สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้กำชับให้ ทอท. ทำการสรรหาผู้ให้บริการภาคพื้นรายที่ 3 ให้แล้วเสร็จตามแผนงาน
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า ทอท. จะเร่งดำเนินการตามนโยบายของ รวค. ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยจะติดตามให้บริษัทผู้ให้บริการภาคพื้นเร่งปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการการทำงานของบริษัท เพื่อให้สามารถรองรับเที่ยวบินที่จะไปใช้บริการที่อาคาร SAT-1 เพิ่มมากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในส่วนของ ทสภ. จะเริ่มดำเนินการตามข้อสั่งการของ รวค. ในทันที
โดยจะทยอยย้ายเที่ยวบินที่ใช้หลุมจอดระยะไกล (Remote Parking) ไปจอดที่อาคาร SAT-1 ซึ่งในช่วงแรกจะเพิ่ม 25 เที่ยวบินต่อวันภายใน 1 สัปดาห์ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 200 เที่ยวบินต่อวัน ภายใน 1 เดือน ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารได้รับการบริการที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ปัจจุบันอาคาร SAT-1 มีเที่ยวบินใช้บริการเพียง 84 เที่ยวบินต่อวัน ในขณะที่มีขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบินได้กว่า 400 เที่ยวบินต่อวัน
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทสภ. อยู่ในระหว่างจัดตั้งห้องศูนย์บัญชาการร่วม เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกส่วนงานในทุกมิติในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาความแออัดภายในอาคารผู้โดยสาร โดยจะมีเจ้าหน้าที่ ทสภ. เข้าเวรตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อกำกับดูแลความเรียบร้อยภายในอาคารผู้โดยสาร กำกับดูแลกระบวนการผ่านเข้า-ออกของผู้โดยสาร ตรวจสอบสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้พร้อมบริการ เพื่อให้สามารถอำนวยความสะดวกผู้โดยสารให้ได้รับความสะดวกรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ สำหรับการบริหารจัดการผู้โดยสารรอเช็กอินล่วงหน้าที่มีความหนาแน่น โดยเฉพาะในช่วงเวลา 20.00-01.00 น. ได้มีการประสานสายการบินให้ทำการเปิดเคาน์เตอร์เช็กอินก่อนล่วงหน้าเป็น 4 ชั่วโมง ก่อนเครื่องออก เพื่อลดปัญหาความแออัด
ทั้งนี้ ทสภ. มีความพร้อมในการรองรับผู้โดยสาร โดยได้ประสานข้อมูลกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว เพื่อเตรียมความพร้อม ทั้งด้านบุคลากร และสิ่งอำนวยความสะดวก อุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งในส่วน Landside และ Airside ของท่าอากาศยาน เพื่อรองรับผู้โดยสารที่จะเดินทางผ่านเข้า-ออก ท่าอากาศยาน ให้ได้รับความสะดวก รวดเร็วที่สุด