“มนพร” ร่วมคณะ “นายกฯ” ตรวจราชการ จ.นครพนม ติดตามการพัฒนาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวในพื้นที่ สู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์ภาคอีสานตอนบน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ร่วมลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จ.นครพนม เมื่อวันที่ 17 ก.พ.2567
โดยมีการติดตามการดำเนินการของด่านศุลกากรจังหวัดนครพนม และการพัฒนาพื้นที่ อาทิ สถานการณ์การนำเข้า-ส่งออกสินค้าผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม โครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม และถนนสายเชื่อมศูนย์ซ่อมอากาศยาน-ศูนย์กลางการค้าส่งชายแดน บริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3-ถนนเชื่อมทางหลวงแผ่นดินหมายเลย 212 อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พร้อมทั้งประชุมหารือแผนพัฒนาและแก้ไขปัญหาของจังหวัดนครพนม ร่วมงานนมัสการพระธาตุพนมวรมหาวิหาร และพบประชาชน
นางมนพร กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการให้บริการและกำกับดูแลโครงข่ายคมนาคมในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ความปลอดภัย ส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความมั่นคงของประเทศ
โดยกระทรวงคมนาคมได้ดำเนินโครงการสำคัญในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดนครพนม ประกอบด้วย ศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2568 เส้นทางถนนเชื่อมศูนย์ซ่อมอากาศยาน-ศูนย์กลางการค้าส่งชายแดนบริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3-ถนนเชื่อมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2568 และเส้นทางรถไฟ บ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2570
อีกทั้งได้ให้มหาวิทยาลัยนครพนมทำโครงการจัดตั้ง Medical & Wellness Hub เพื่อรองรับการเป็นเมืองพักผ่อน และรองรับสังคมผู้สูงวัย ซึ่งโครงการดังกล่าวทั้งหมดนี้จะสามารถต่อยอดเศรษฐกิจของจังหวัดนครพนม สร้างความเจริญให้เกิดขึ้นในพื้นที่ เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น และทำให้จังหวัดนครพนมสามารถพัฒนาผลักดันจากเมืองรองเป็นเมืองหลัก เป็นศูนย์กลางทางโลจิสติกส์ของอีสานตอนบน ยกระดับโครงข่ายคมนาคมเชื่อมโยงสู่ภูมิภาค ส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ
นอกจากนี้ นางมนพรได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าดูแลความปลอดภัยทางน้ำ ในช่วงงานนมัสการองค์พระธาตุพนม ระหว่างวันที่ 17-25 ก.พ.2567 โดยถือว่าเป็นงานบุญประจำปีที่จะมีนักท่องเที่ยวประชาชนชาวลาวใช้บริการเรือโดยสารข้ามฟาก เรือโดยสารจำนวนมากทุกปี จึงได้เน้นย้ำให้มีการคุมเข้มการคมนาคมทางน้ำให้มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงที่สุด