กทท. จับมือ ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 6 (เมืองระนอง) หน่วยงานภาครัฐ จ.ระนอง ปลูกป่าชายเลนบนพื้นที่ 50 ไร่ เพิ่มพื้นที่สีเขียว สร้างแหล่งดูดซับก๊าซเรือนกระจก ลดภาวะโลกร้อน
วันนี้ (29 ก.พ.2567) นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในกิจกรรมโครงการปลูกป่าชายเลน และอนุรักษ์ป่าและป่าชายเลน บริเวณ จ.ระนอง โดยมี นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง นายอภิเสต พงษ์สุวรรณ รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ พร้อมด้วย ผู้บริหาร กทท. พนักงาน กทท. ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนใน จ.ระนอง ประมาณ 300 คน เข้าร่วมในพิธีฯ ณ พื้นที่ป่าชายเลนบริเวณท้องที่ หมู่ที่ 2 ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง เนื้อที่ประมาณ 50 ไร่
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลที่มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์และรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน ปัจจุบันความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาและส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตมากขึ้น จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาด้วยการเพิ่มปริมาณต้นไม้และป่าไม้
การจัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลน จำนวน 50 ไร่ ในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 6 (เมืองระนอง) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมุ่งหวังที่จะสร้างโอกาสให้ชุมชนและหน่วยงานทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านการปลูกป่าทดแทน เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศทางทะเลให้มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืน
นายอภิเสต พงษ์สุวรรณ กล่าวว่า กทท. มุ่งมั่นที่จะก้าวสู่การเป็นท่าเรือชั้นนำที่ยั่งยืนในระดับสากล ตามวิสัยทัศน์ “มุ่งสู่มาตรฐานท่าเรือชั้นนำระดับโลก พร้อมการให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่เป็นเลิศ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในปี 2573” และได้ให้ความสำคัญกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการดำเนินกิจการท่าเรือ โดยได้เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นการส่งเสริมเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยที่จะลดก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 20-25 ภายในปี 2573 และพัฒนาสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission)
ทั้งนี้ จากข้อมูลการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในระบบฐานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมของ กทท. พบว่าโครงการปลูกป่าตั้งแต่ปี 2562-2565 สามารถดูดซับก๊าซเรือนกระจกจาก รวมทั้งสิ้นประมาณ 526 (tonCO2eq) (ห้าร้อยยี่สิบหกตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า)
นอกจากนี้ กทท. จึงได้จัดทำแผนแม่บทการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์และพัฒนาท่าเรือสู่การเป็น Green Port Supply Chain พร้อมทั้งจัดทำตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ (Strategic Positioning) ด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อกำหนดเป้าหมายการดำเนินงานในระยะสั้น (ปี 2566-2567) จำนวน 4 เป้าหมาย ได้แก่
1.ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานลงร้อยละ 4 จากกรณีปกติ
2.ปรับปรุงและบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมของ กทท. ให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากล
3.สร้างความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมให้กับบุคลากรอย่างต่อเนื่อง
4.บูรณาการโครงการด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกับงานด้านการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR)