“มนพร” เร่งพัฒนาเส้นทางคมนาคม “ร้อยเอ็ด-กาฬสินธุ์” เชื่อมโยงภูมิภาค เสริมเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว
“มนพร” ร่วมคณะนายกฯ ติดตามการบริหารจัดการน้ำ การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งในพื้นที่ “ร้อยเอ็ด-กาฬสินธุ์” เร่งพัฒนาเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงภูมิภาค ส่งเสริมเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยว
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (2 มี.ค.2567) ได้เข้าร่วมคณะตรวจราชการของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จ.ร้อยเอ็ด และ กาฬสินธุ์ เพื่อติดตามการบริหารจัดการน้ำ การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง การแก้ไขปัญหาพนังกั้นลำน้ำชีทรุดตัว การพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแลนด์มาร์ค (Landmark) และจุดแวะพักของ จ.กาฬสินธุ์ บริเวณบึงอร่าม อ.ยางตลาด เพื่อสร้างมูลค่าและโอกาสทางเศรษฐกิจ พร้อมรับฟังปัญหาของประชาชนในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นางมนพร กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อให้มีน้ำเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชน ภาคการเกษตร อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การรักษาระบบนิเวศ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง จากการลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขพนังกั้นลำน้ำชีทรุดตัว บนถนนทางหลวงชนบท สาย กส.4073 ช่วง กม 2+300 บ้านโนนแดง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ พบว่ามีสาเหตุเกิดจากกระแสน้ำชีกัดเซาะตลิ่ง ทำให้ลาดคันทางช่วงติดกับแม่น้ำพังทลายเสียหายยาวประมาณ 100 เมตร จำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน ซึ่งแขวงทางหลวงชนบทกาฬสินธุ์ได้ดำเนินการซ่อมแซมเสริมความแข็งแรงของคันทางชั่วคราว เพื่อป้องกันตลิ่งพังทลายจากการกัดเซาะของกระแสน้ำและรองรับน้ำชีล้นตลิ่งในช่วงฤดูฝนปี 2567 นี้
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมมีแผนดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาคันทางพังทลายและป้องกันน้ำท่วม ถนนสาย กส.4073 แยก ทล.2367-บ้านสีถาน อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ โดยเตรียมเสนอของบประมาณปี 2568 เพื่อก่อสร้างเขื่อนป้องกันการกัดเซาะตลิ่งแม่น้ำชี ระยะทาง 425 เมตร และโครงการก่อสร้างยกระดับผิวจราจร ถนนสาย กส.4073 แยก ทล.2356-บ้านสีถาน อ.ฆ้องชัย อ.กมลาไสย และ อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์
โดยกรมทางหลวงชนบท (ทช.) อยู่ระหว่างการสำรวจออกแบบ และจะเสนอของบประมาณก่อสร้างในปี 2569 เพื่อยกระดับผิวจราจรเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 0.60 เมตร เนื่องจากระดับผิวจราจรเดิมต่ำกว่าระดับน้ำสูงสุดปี 2554 ในช่วงฤดูน้ำหลาก ระดับในแม่น้ำชีจึงเอ่อล้นไหลข้ามพนังกั้นน้ำเข้าท่วมพื้นที่เกษตรกรรม ชุมชน และบ้านเรือนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
นางมนพร กล่าวเพิ่มเติมว่า จ.ร้อยเอ็ด และกาฬสินธุ์ มีอัตราการขยายตัวด้านเศรษฐกิจสูง การค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ส่งผลให้มีความต้องการเดินทางในโครงข่ายทางหลวงสูงขึ้น ประกอบกับเป็นพื้นที่ที่มีแนวเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจสายตะวันออก-ตะวันตก (East West Economic Corridor : EWEC) พาดผ่าน เชื่อมโยงการเดินทาง การขนส่งสินค้าจากเมียนมา-สปป.ลาว-ไทย-เวียดนาม
จึงต้องเตรียมความพร้อมด้านโครงข่ายคมนาคมเพื่อรองรับปัญหาการจราจรและขนส่งสินค้าในอนาคต ตามนโยบายส่งเสริมและพัฒนาระบบโครงข่ายถนนให้ครอบคลุมความต้องการเดินทางของประชาชน ช่วยลดระยะเวลาเดินทาง ลดต้นทุนขนส่งและมีโครงข่ายที่ส่งเสริมภาคเกษตร การท่องเที่ยว การค้า การลงทุน แหล่งอุตสาหกรรมและสามารถบูรณาการกับระบบขนส่งได้ในทุกมิติ
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมมีแผนดำเนินโครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองกาฬสินธุ์ (ด้านเหนือ) ระยะทาง 22.042 กิโลเมตร (กม.) ปัจจุบันได้แนวเส้นทางพร้อมสำรวจและออกแบบโครงการฯ แล้วเสร็จ เตรียมเสนอของบประมาณปี 2568 เพื่อจ้างศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และของบประมาณก่อสร้างในปี 2570 วงเงินงบประมาณ 4,400 ล้านบาท
เมื่อโครงการฯ แล้วเสร็จจะเกิดการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบคมนาคมรอบเมืองกาฬสินธุ์ที่มีความสมบูรณ์ สะดวก รวดเร็ว ลดปัญหาการจราจรติดขัดในเขตเมือง รองรับอัตราการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในอนาคต