PR News

ขนส่งฯ เผยยอดจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้า ต.ค.66-ม.ค.67 ทะลุ 4.8 หมื่นคัน

กรมการขนส่งทางบก เผยสถิติการจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้า ระหว่างเดือน ต.ค.66-ม.ค.67 ทะลุ 4.8 หมื่นคัน เชิญชวนประชาชนหันมาใช้รถ EV เพื่อลดปัญหาฝุ่น PM 2.5

เมื่อวันที่ 4 มี.ค.2567 นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และโฆษกกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ระบุว่า ณ ปัจจุบัน ปัญหาสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นปัญหาสำคัญที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ โดยเฉพาะปัญหามลพิษทางอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและสุขภาพของประชาชน ทั้งนี้ เทรนด์การหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้าหรือรถ EV (Electric Vehicle) เพื่อลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 กำลังเป็นที่นิยมและมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยสถิติการจดทะเบียนรถพลังงานไฟฟ้าตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทั่วประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (ระหว่างเดือน ต.ค.2566-ม.ค.2567) มีจำนวนทั้งสิ้น 48,096 คัน เมื่อเทียบกับจำนวนการจดทะเบียนฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ในช่วงเวลาเดียวกัน ที่มีจำนวนทั้งสิ้น 11,340 คัน โดยมีอัตราการจดทะเบียนฯ เพิ่มขึ้น จำนวน 36,756 คัน คิดเป็น 324.13%

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางบก ได้ดำเนินมาตรการลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงานและนำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้า เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นรูปธรรม

สำหรับมาตรการลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงานและนำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 10 พ.ย.2568 โดยให้ลดภาษีลงร้อยละ 80 จากอัตราที่กำหนดตาม (11) ของอัตราภาษีประจำปีท้ายพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้

– รถเก๋งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 1,600 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 320 บาท

– รถตู้ส่วนบุคคลที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 800 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 160 บาท

– ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 50 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 10 บาท เป็นต้น โดยเริ่มตั้งแต่วันที่รถนั้นจดทะเบียนเป็นระยะเวลา 1 ปี

การใช้รถพลังงานไฟฟ้าหรือรถ EV (Electric Vehicle) นอกจากจะช่วยเรื่องการลดมลพิษทางอากาศโดยการใช้เทคโนโลยีการขับเคลื่อนของมอเตอร์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทดแทนพลังงานเชื้อเพลิงอย่างน้ำมันแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงประหยัดภาษีประจำปีให้กับเจ้าของรถได้อีกทางหนึ่งด้วย

Loading

Back to top button