“สุรพงษ์” เร่งพัฒนาโครงข่ายคมนาคม-โลจิสติกส์ @กาญจนบุรี
“สุรพงษ์” ร่วมคณะนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่กาญจนบุรี ติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำ ตรวจเยี่ยมอุตสาหกรรมโคนม การค้าชายแดน พร้อมเร่งพัฒนาโครงข่ายคมนาคมและโลจิสติกส์ ส่งเสริมการท่องเที่ยว
วันนี้ (11 พ.ค.2567) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ได้ร่วมคณะนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วย น.ส.ณภัทรา กมลรักษา เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) นายอวิรุทธ์ ทองเนตร รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้แทนกรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ โดยนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้ติดตามประเด็นปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่เทศบาล ณ แก้มลิง ต.ปากแพรก อ.เมือง ตรวจเยี่ยมอุตสาหกรรมโคนมในพื้นที่ พร้อมร่วมหารือประเด็นปัญหาและการพัฒนาด้านต่าง ๆ รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ กล่าวต่อว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่แก้มลิง กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีแผนพัฒนาพื้นที่ย่านสถานีกาญจนบุรี เนื้อที่ 124 ไร่ แบ่งการพัฒนาเป็น 3 โซน ประกอบด้วย 1.พื้นที่ตลาดกลางค้าปลีก-ค้าส่ง 40 ไร่ 2.โซน B พื้นที่อยู่อาศัยระยะยาว โครงการบ้านเพื่อคนไทย 41 ไร่ และ 3.โซน C พื้นที่สวนสาธารณะและแก้มลิง 43 ไร่ ปัจจุบันมีน้ำอยู่ประมาณ 32,640 ลูกบาศก์เมตร สามารถรองรับน้ำเพิ่มได้อีก 22,000 ลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ หาก รฟท. ขุดลอกลึกเพิ่มอีก 1 เมตร จะสามารถรองรับน้ำเพิ่มขึ้นได้อีก 27,200 ลูกบาศก์เมตร รวมเป็น 49,200 ลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้ รฟท. ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างขยายช่องระบายน้ำทางรถไฟ จำนวน 2 จุด เพื่อสอดรับกับโครงการระบบระบายน้ำบ้านหัวนาล่างของกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของแก้มลิง โดยได้จัดสรรงบประมาณ ปี 2567 สำหรับดำเนินการ คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างภายในเดือน ก.ค.2567 ใช้ระยะเวลาดำเนินการ 180 วัน
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมมีแผนพัฒนาเชื่อมโยงโครงข่ายการเดินทางในจังหวัดกาญจนบุรี อาทิ การผลักดันโครงการก่อสร้างถนนวงแหวนตะวันตก-ตะวันออก (เหนือ-ใต้) เพื่อรองรับการท่องเที่ยว โดยคาดว่าเมื่อโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (M81) สายบางใหญ่-กาญจนบุรี แล้วเสร็จ จะมีนักท่องเที่ยวใช้เดินทางเข้า-ออก จ.กาญจนบุรี เป็นจำนวนมาก ทำให้ถนนเส้นหลักที่เชื่อมต่อกับ M81 การจราจรหนาแน่น
ทช. จึงมีการศึกษาเพื่อออกแบบก่อสร้างถนนวงแหวน เพื่อช่วยรองรับการจราจรที่หนาแน่นขึ้นในอนาคต ประกอบด้วย 1.โครงการศึกษาเพื่อการออกแบบถนนวงแหวนฝั่งเหนือ เมืองกาญจนบุรี เป็นโครงการศึกษาเพื่อออกแบบตัดถนนใหม่เป็น 4 ช่องจราจร มีระยะทางรวม 30 กิโลเมตร และ 2.โครงการศึกษาเพื่อการออกแบบถนนวงแหวนฝั่งใต้ พร้อมสะพานโครงสร้างพิเศษข้ามแม่น้ำแม่กลอง เป็นโครงการศึกษา เพื่อการออกแบบตัดถนนใหม่โดยเป็นถนน 4 ช่องจราจร มีระยะทางรวม 55 กิโลเมตร พร้อมศึกษาเพื่อการออกแบบสะพานโครงสร้างพิเศษข้ามแม่น้ำแม่กลอง เพื่อลดความหนาแน่นของการจราจรถนนสายหลักที่เชื่อมต่อกับ M81 ซึ่งทั้ง 2 โครงการใช้ระยะเวลาศึกษาออกแบบ 2 ปี (2569-2570)
เมื่อโครงการก่อสร้างต่าง ๆ เสร็จสมบูรณ์ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายการคมนาคมขนส่งของจังหวัด พื้นที่ใกล้เคียงและเชื่อมโยงการเดินทาง การขนส่งกับภูมิภาคอื่น ๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย สามารถรองรับปริมาณการเดินทางและการขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต เป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงเรื่องการค้าขายชายแดนที่มีการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งที่ดี มีประสิทธิภาพรองรับรถไฟทางคู่ หรือรถไฟฟ้า สามารถร่นระยะเวลาในการขนส่งสินค้าได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ขอให้หน่วยงานจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด รวมถึงกำชับกรมโยธาธิการและผังเมือง รฟท. และหน่วยงานอื่น ๆ ใช้จ่ายงบประมาณอย่างเหมาะสม และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนต่อไป