“เจ้าท่า” เข้ม 4 กลุ่ม ขับเคลื่อนพัฒนาพาณิชยนาวี บนความท้าทายบริบทปัจจุบัน-อนาคต
“กรมเจ้าท่า” จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เข้ม 4 กลุ่ม ขับเคลื่อนพัฒนาพาณิชยนาวี บนความท้าทายของบริบทปัจจุบันและอนาคต
วันนี้ (15 พ.ค.2567) นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาพาณิชยนาวีบนความท้าทายของบริบทปัจจุบันและอนาคต โดยมีนายวิเชียร เปมานุกรรักษ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านส่งเสริมการขนส่งทางน้ำ กล่าวรายงาน พร้อมด้วยนายนรินทร์ศักย์ สัทธาประสิทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางน้ำ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า ภาคเอกชนผู้ประกอบธุรกิจด้านพาณิชยนาวี และสถาบันการศึกษาเข้าร่วมการสัมมนาฯ รวมทั้งผู้แทนกระทรวงคมนาคม และผู้แทนคณะกรรมการพัฒนาระบบผู้อำนวยการ (ก.พ.ร.) หรือ สำนักงาน ก.พ.ร. เข้าร่วมสังเกตการณ์ รวมจำนวน 200 คน ณ ห้องกษัตริย์ศึก ชั้น 4 โรงแรมเดอะ ทวิน ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ
การสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาพาณิชยนาวีบนความท้าทายของบริบทปัจจุบันและอนาคตที่จัดขึ้นในครั้งนี้เพื่อระดมความคิดเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านพาณิชยนาวีให้ครอบคลุมทุกกลุ่มในประเด็นสภาพปัญหาที่แท้จริง (Pain Point) ผลกระทบ ศักยภาพ โอกาส ข้อจำกัด ประเด็นท้าทาย แนวโน้มอุตสาหกรรม และข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปสู่การวางนโยบายและแผนการพัฒนากิจการพาณิชยนาวี ซึ่งจะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการพัฒนาการพาณิชยนาวีให้มีศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งได้รับเกียรติจากรองศาสตราจารย์ ดร.จักรกฤษณ์ ดวงพัสตรา อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้เกียรติเป็นวิทยากร ในการบรรยายสรุปสถานการณ์และบริบทปัจจุบันและอนาคตที่มีผลกระทบต่อกิจการพาณิชยนาวี และสรุปประเด็นที่ได้จากการสัมมนาฯ (Workshop)
ทั้งนี้ การสัมมนาฯ ดังกล่าว ได้ระดมความคิดเห็นร่วมกัน โดยแบ่งกลุ่มปฏิบัติการ Workshop พิจารณาสภาพปัญหา ผลกระทบ ศักยภาพ โอกาส ข้อจำกัด ประเด็นท้าทาย และข้อเสนอแนะ โดยแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 กองเรือ กลุ่มที่ 2 ท่าเรือ กลุ่มที่ 3 อู่เรือ และกลุ่มที่ 4 ผู้ใช้บริการขนส่งทางเรือ ร่วมกันแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะและมุมมองที่มีประโยชน์ โดยกรมเจ้าท่าจะนำมากำหนดแนวทางแก้ไขปัญหา วางนโยบายและแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนากิจการพาณิชยนาวีให้สอดคล้องกับบริบทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของภาคเอกชน พร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาการพาณิชยนาวีของประเทศไทยให้ยั่งยืนต่อไป