Transport

“กรมราง” ครบรอบ 5 ปี ตอกย้ำ!! สร้างระบบขนส่งทางรางไทย ประชาชนแฮปปี้-ปลอดภัย

วันนี้ (7 มิ.ย.2567) กรมการขนส่งทางราง (ขร.) จัดงานวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 5 ปี ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มาเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้บริหารจากกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานพันธมิตร มาร่วมในพิธี โดยมี นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) นายอธิภู จิตรานุเคราะห์ รองอธิบดีฯ ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ ขร. ให้การต้อนรับ โดยในช่วงเช้าได้มีการทำพิธีทางศาสนาเพื่อความเป็นศิริมงคล ต่อด้วยการร่วมแสดงความยินดี ณ อาคาร ณ ถลาง กรมการขนส่งทางราง กรุงเทพฯ

นายพิเชฐ ระบุว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ขร. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลด้านระบบขนส่งทางราง ได้เดินหน้าพัฒนาระบบขนส่งทางรางให้มีประสิทธิภาพมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเดินทางของประชาชน พร้อมทั้งสนับสนุนการขนส่งทางรางให้เป็นระบบขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้าหลักของประเทศ ซึ่งจากภาพรวมการขนส่งทางรางของไทยในปีที่ผ่านมา ปริมาณรวมตลอดทั้งปีมีมากถึง 460,826,879 เที่ยว-คน หรือเฉลี่ยมากกว่า 1.2 เที่ยว-ล้านคนต่อวัน และการขนส่งสินค้าทางรางเฉลี่ยต่อปีมีมากถึง 12 ล้านตัน เหตุเพราะมีการพัฒนาเรื่องของโครงข่ายระบบขนส่งทางรางที่เพิ่มขึ้น ทั้งการเปิดให้บริการรถไฟทางคู่ หรือโครงข่ายรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเมื่อโครงข่ายมากขึ้นก็ส่งผลให้มีขบวนรถที่ให้บริการเพิ่มขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ ขร. ได้ผลักดัน “นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยได้ดำเนินการข้ามสาย 2 สายแรก คือ สายสีแดง (รถไฟฟ้าชานเมือง สายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์-รังสิต และ สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์-ตลิ่งชัน) สายสีม่วง (รถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม) จนประสบความสำเร็จ ถือเป็นการสร้างโอกาสในการเข้าถึงระบบขนส่งทางรางให้ประชาชนทุกคนได้ใช้บริการอย่างเท่าเทียม และลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า ในส่วนของปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจากระบบขนส่งทางราง ทั้งเหตุขัดข้องรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ขร. ได้ดำเนินการหาสาเหตุและเสนอแนวทางการดำเนินการเพื่อป้องกันหรือลดโอกาสการเกิดเหตุขัดข้องให้กับผู้ให้บริการนำไปเป็นมาตรฐานในการดำเนินการ และในส่วนของปัญหาอุบัติเหตุจุดตัดทางลักผ่านที่ผ่านมา ขร. ดำเนินการปิดจุดตัดทางลักผ่านภายใน 5 เดือนไปแล้วกว่า 92 จุดจากทั้งสิ้น 793 จุด นอกจากนี้ ขร. ยังได้ดำเนินการจัดการข้อร้องเรียนระบบขนส่งทางราง อาทิเช่น ขบวนรถไฟยกเลิกการให้บริการ ขบวนรถไฟล่าช้า การขอคืนเงินจากการยกเลิกการเดินทาง และการให้บริการของเจ้าหน้าที่ โดยดำเนินการจัดการข้อร้องเรียนไปแล้วกว่า 27 เรื่อง ตลอดปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากระบบขนส่งทางราง และเพื่อเป็นการกำกับ ติดตามให้เกิดการบริการระบบขนส่งทางรางที่มีคุณภาพ และตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนให้มากที่สุด

นอกจากนี้ ขร. ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการเดินทางด้วยระบบขนส่งทางราง โดยมีการจัดทำร่างมาตรฐานการขนส่งทางรางที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย จำนวน 24 ฉบับ ทั้งในด้านเครื่องกลและตัวรถขนส่งทางราง ด้านโครงสร้างพื้นฐานและงานโยธา ด้านระบบอาณัติสัญญาณ โดยมาตรฐานเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดอุบัติเหตุ เพิ่มความปลอดภัยในการขนส่งทางรางของไทย และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการขนส่งทางรางของประเทศไทยให้เทียบเท่าสากล

นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ขร. ได้ประสานความร่วมมือ กับนานาประเทศ โดยมีการจัดทำแผนต่างๆ เช่น การเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่าง ไทย-ลาว-จีน  เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าที่ปัจจุบันได้มีการส่งออกทุเรียนจากภาคตะวันออกไปยังประเทศจีน ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการขนส่งสินค้ามีทางเลือกในการใช้เส้นทางการขนส่งหลากหลายรูปแบบ สามารถกระจายผลไม้ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีมูลค่าไปยังต่างประเทศได้ตามความต้องการภายในระยะเวลาที่เหมาะสม

นอกจากนี้ ขร. ได้เร่งรัดผลักดัน พ.ร.บ. การขนส่งทางราง พ.ศ. ….  เพื่อให้เกิดการกำกับดูแลระบบขนส่งทางรางในทุก ๆ ด้านมีมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนในการเดินทางด้วยระบบราง พร้อมทั้งคุ้มครองให้เกิดการเดินทางที่ปลอดภัย และอัตราค่าโดยสารมีราคาที่เหมาะสม ซึ่งปัจจุบันได้เสนอร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. …. ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว

นายพิเชฐ กล่าวทิ้งท้ายว่า จากการดำเนินการต่าง ๆ ที่ผ่านมานั้น กรมการขนส่งทางรางพร้อมเดินหน้าผลักดันให้ระบบขนส่งทางรางไทยพัฒนาไปอย่างมีประสิทธิภาพ สู่การเป็นระบบขนส่งหลักของประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนผู้ใช้บริการระบบขนส่งทางราง ให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย เพราะกรมการขนส่งทางรางทำงาน เพื่อความสุขและความปลอดภัยในการเดินทางระบบรางของไทย

Loading

Back to top button