Transport

“สุริยะ” สั่งคลอดแนวทางลดค่าใช้จ่ายประชาชน หลังดอนเมืองโทลเวย์จ่อขึ้นค่าผ่านทาง 22 ธ.ค.นี้

“สุริยะ” สั่งด่วนเร่งหาแนวทางลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางให้ประชาชน กรณีผู้รับสัมปทานดอนเมืองโทลเวย์เตรียมปรับขึ้นค่าผ่านทาง ในวันที่ 22 ธ.ค. นี้

วันนี้ (21 มิ.ย.2567) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีที่บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการทางยกระดับอุตราภิมุข หรือทางด่วนโทล์ลเวย์ ประกาศปรับอัตราค่าผ่านทางทางด่วนโทล์ลเวย์ ตามบันทึกข้อตกลงแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาสัมปทานทางหลวง ฉบับที่ 3/2550 ลงวันที่ 12 กันยายน 2550 ซึ่งเป็นการปรับในรอบระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า ระหว่างวันที่ 22 ธ.ค.2567 เวลา 00.01 น. – 21 ธ.ค.2572 โดยกำหนดอัตราค่าผ่านทาง ช่วงดินแดง – ดอนเมือง จากปัจจุบัน 80 บาท  ขึ้นเป็น 90 บาท และช่วงดอนเมือง – อนุสรณ์สถาน จาก 35 บาท ขึ้นเป็น 40 บาท นั้น

ทั้งนี้ จากกรณีดังกล่าว กระทรวงคมนาคม ได้ห่วงใยต่อผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชน ดังนั้น จึงได้สั่งการให้กรมทางหลวง (ทล.) ในฐานะเจ้าของสัมปทาน และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ในฐานะหน่วยงานด้านนโยบายของกระทรวงคมนาคม ไปเร่งพิจารณาแนวทางและความเป็นไปได้ในการชะลอการขึ้นอัตราค่าผ่านทางดังกล่าว

รวมถึงอาจพิจารณาให้ลดค่าผ่านทางอีกด้วย เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงคมนาคม ที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และลดค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งการใช้ทางด่วนโทลเวย์จากดินแดงไปถึงอนุสรณ์สถาน ปัจจุบันต้องเสียค่าผ่านทางในอัตราที่สูงถึง 115 บาท หากปรับขึ้นค่าผ่านทางตามสัญญาในช่วงปลายปีนี้ จะเพิ่มขึ้นเป็น 130 บาท และก่อนสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน จะมีการปรับขึ้นอีกครั้งเป็น 145 บาท ทั้งนี้ หากได้ข้อสรุปหรือมีความคืบหน้าอย่างไรจะรายงานให้ทราบในทันทีต่อไป

“ผมยืนยันว่า ในยุคที่ผมเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบาย ให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ มุ่งเน้นความสำคัญและประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และประเทศชาติ เป็นหลัก โดยเฉพาะการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน และเพื่อให้พี่น้องประชาชนคนไทยอยู่ดีกินดี มีความสุขตลอดไป” สุริยะ กล่าว

สำหรับสัญญาสัมปทานดอนเมืองโทลเวย์ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ได้รับสัมปทานจาก ทล. ในปี 2532 โดยเอกชนเป็นผู้ดำเนินการจัดหาแหล่งเงินทุนและกู้เงินมาลงทุนทั้งหมด เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณภาครัฐที่มีอยู่อย่างจำกัด ณ ขณะนั้น โดยเอกชนได้รับสิทธิเก็บค่าผ่านทางตามสัญญา ทั้งนี้ ต่อมาได้มีการแก้ไขสัญญาทั้งหมด 3 ครั้ง ซึ่งเป็นที่มาของค่าผ่านทางที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน จากการแก้ไขสัญญาครั้งสุดท้ายจะมีการปรับขึ้นค่าผ่านทางอีก 2 ครั้ง คือ ในเดือน ธ.ค.2567 และ ธ.ค.2562 ก่อนที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2577

Loading

Back to top button