สั่ง “รฟท.” เร่งหาสาเหตุ-กำหนดแนวทางแก้ไข กรณีอุบัติเหตุขณะต่อพ่วงขบวนรถจนมีผู้โดยสารบาดเจ็บ
“สุรพงษ์” สั่ง “รฟท.” เร่งหาสาเหตุ-กำหนดแนวทางแก้ไข พร้อมทั้งกำชับดูแลผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ กรณีเกิดอุบัติเหตุขณะทำการต่อพ่วงขบวนรถจนมีผู้โดยสารรถไฟได้รับบาดเจ็บ
วันนี้ (16 ก.ค.2567) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ได้รับรายงานจากกรมการขนส่งทางราง (ขร.) กรณีการเกิดอุบัติเหตุขณะทำการต่อพ่วงขบวนรถจนมีผู้โดยสารรถไฟได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.2567 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.00 น. ได้เกิดอุบัติเหตุรถจักรดีเซลไฟฟ้าหมายเลข 4226 พร้อมกับรถโบกี้จัดเฉพาะปรับอากาศจำนวน 2 คัน ซึ่งทำการสับเปลี่ยนได้กระทบกับริ้วของขบวนรถโดยสารธรรมดาที่ 254 (หลังสวน-ธนบุรี) ที่จอดอยู่ที่สถานีศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร
จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บเบื้องต้น 5 ราย และพนักงานช่างเครื่องได้รับบาดเจ็บ 1 รายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจรักษา รถโบกี้จัดเฉพาะปรับอากาศจำนวน 2 คันท่อลมทำขบวนชำรุดต้องตัดรถไว้ที่สถานีศาลาธรรมสพน์ และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ขนถ่ายผู้โดยสารไปกับขบวนรถธรรมดาที่ 258 (น้ำตก-ธนบุรี) เป็นที่เรียบร้อย
จากการตรวจสอบถึงความเป็นมาของอุบัติเหตุเบื้องต้นพบว่า เมื่อเวลา 16.49 น. ขบวนรถโดยสารธรรมดาที่ 254 (หลังสวน-ธนุบรี) ได้เดินทางมาถึงสถานีศาลาธรรมสพน์ และจอดหยุดรับ-ส่งผู้โดยสารแล้ว จากนั้นพนักงานขับรถไฟได้เคลื่อนขบวนรถเดินหน้าไปทางทิศเหนือของชานชาลาสถานี เพื่อทำการเคลื่อนรถจักรดีเซลไฟฟ้าหมายเลข 4226 ออกจากขบวนรถผู้โดยสารและเคลื่อนรถจักรดังกล่าวเข้าไปต่อพ่วงกับรถโบกี้จัดเฉพาะปรับอากาศจำนวน 2 คันที่จอดไว้ในรางหลีกย่านสถานีศาลาธรรมสพน์ และทำการต่อพ่วงรถจนเสร็จ
ภายหลังจากนั้นได้ถอยรถจักรดีเซลไฟฟ้าหมายเลข 4226 พร้อมรถโบกี้จัดเฉพาะปรับอากาศจำนวน 2 คันที่ต่อพ่วงแล้ว มาพ่วงกับริ้วของขบวนรถธรรมดาที่ 254 เดิมที่จอดอยู่ แต่ในขณะที่ต่อพ่วงได้เกิดความผิดพลาดขึ้นเกิดการกระแทกอย่างรุนแรงกับริ้วของขบวนรถธรรมดาที่ 254 ส่งผลให้ผู้โดยสารที่อยู่บนขบวนรถได้รับบาดเจ็บเบื้องต้นจำนวน 5 ราย และช่างเครื่องที่ปฏิบัติหน้าที่ในห้องขับฝั่งท้ายของรถจักรดีเซลไฟฟ้าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน นายสถานีศาลาธรรมสพน์ได้ประสานกู้ภัยในพื้นที่ปฐมพยาบาลและนำผู้บาดเจ็บส่งศูนย์แพทย์กาญจนาภิเษก และโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ พร้อมทั้งขนถ่ายผู้โดยสารขบวนรถธรรมดาที่ 254 ไปกับขบวนรถโดยสารธรรมดาที่ 258 ปลายทางสถานีธนบุรี โดยขบวนรถธรรมดาที่ 254 ออกจากสถานีศาลาธรรมสพน์ เวลา 19.30 น. ช้าเพิ่มจากเหตุนี้รวม 154 นาที
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ตนได้สั่งการให้ รฟท. แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุและเร่งสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขขั้นตอนการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งกำชับให้ รฟท. ดูแลและเยียวยาผู้โดยสารและช่างเครื่องที่ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่ ซึ่งปัจจุบัน รฟท. ได้ทำประกันภัยอุบัติเหตุไว้กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด ครอบคลุมถึงผู้โดยสารด้วย
นอกจากนี้ ตนยังสั่งการให้ รฟท. กำชับให้พนักงานทุกคนเพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎ ข้อบังคับและระเบียบการเดินรถต่างๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดต่อพนักงานและประชาชนที่มาใช้บริการ