วิ่งสะดวก!! ถนนสาย สร.4026 เชื่อม สุรินทร์-บุรีรัมย์ เพิ่มศักยภาพคมนาคมภาคอีสาน
“กรมทางหลวงชนบท” ขยายถนนสาย สร.4026 เชื่อม สุรินทร์-บุรีรัมย์ ระยะทางกว่า 17.9 กม. งบฯ 149 ล้านบาท เพิ่มศักยภาพคมนาคมส่งเสริมเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวภาคอีสานตอนล่าง รองรับการเจริญเติบโตเมืองในอนาคต
วันนี้ (23 ก.ค.2567) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า จ.สุรินทร์เป็นเมืองหลักของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ตอนล่างที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงในด้านอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม เช่น ข้าวหอมมะลิ มันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด ฯลฯ ส่งผลให้มีการพัฒนาและการขยายตัวของชุมชนอย่างรวดเร็ว กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้เห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน ช่วยลดต้นทุนในการเดินทางให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน จึงได้ดำเนินโครงการก่อสร้าง
ถนนทางหลวงชนบทสาย สร.4026 แยก ทล.2378-เมืองสุรินทร์ อ.เมืองสุรินทร์ ซึ่งจะช่วยให้การคมนาคมขนส่งพืชผลทางการเกษตร และการท่องเที่ยวในชุมชน รวมถึงการเดินทางระหว่าง จ.สุรินทร์ ไปยัง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ หรือไปยังท่าอากาศยานบุรีรัมย์เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย สามารถเดินทางอย่างไร้รอยต่อ ซึ่ง ทช. ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้ประชาชนได้ใช้สัญจรอย่างเต็มประสิทธิภาพเรียบร้อยแล้ว
ด้าน นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กล่าวว่า ได้ดำเนินโครงการดังกล่าว แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ช่วง ประกอบด้วย
ช่วงที่ 1 เริ่มต้นโครงการบนถนนทางหลวงชนบทสาย สร.4026 ช่วง กม.ที่ 8+000 บริเวณข้างโรงเรียนเพี้ยราม ต.เพี้ยราม วางแนวตามเส้นทางเดิมไปจนถึง กม.ที่ 22+697
ช่วงที่ 2 กม.ที่ 28+473 บริเวณวัดป่านิมิตมงคล ต.ท่าสว่าง ไปสิ้นสุดโครงการ กม.ที่ 31+730 ถนนทุ่งโพธิ์ ต.นอกเมือง .อ.เมือง จ.สุรินทร์ รวมระยะทาง 17.954 กิโลเมตร
โดยได้ยกระดับชั้นทาง และขยายความกว้างผิวจราจรเป็นขนาด 7 เมตร ไหล่ทางข้างละ 2.5 เมตร พร้อมเสริมผิวจราจรแบบแอสฟัลท์ติกคอนกรีตบริเวณแนวเส้นทางที่ตัดผ่านหมู่บ้าน นอกจากนี้ได้ขยายความกว้างของสะพาน จำนวน 5 แห่ง ก่อสร้างรางระบายน้ำ ติดตั้งระบบไฟฟ้าแสงสว่าง อุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยตลอดสายทาง ใช้งบประมาณก่อสร้าง 149.445 ล้านบาท
สำหรับถนนสาย สร.4026 นอกจากจะรองรับการเจริญเติบโตของเมืองที่เพิ่มขึ้นให้ครอบคลุมความต้องการในการเดินทางของประชาชนแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนในการขนส่งสินค้าภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรมตลอดจนช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการสนับสนุนการท่องเที่ยวของหมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง ที่เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงหัตถกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดได้อีกทางหนึ่งด้วย