“รฟท.” ถก “มาเลเซีย” เตรียมพร้อมเปิดเดินรถ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-บัตเตอร์เวอร์ธ รัฐปีนัง
เมื่อวันที่ 13-16 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา นายอวิรุทธ์ ทองเนตร รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทน รฟท. เดินทางเข้าประชุมร่วมระหว่าง รฟท. และ การรถไฟมาเลเซีย ครั้งที่ 42 (42nd KTMB-SRT Joint Conference) ณ เมืองโคตา คินาบาลู รัฐซาบาห์ สหพันธรัฐมาเลเซีย เพื่อขยายความร่วมมือการให้บริการเดินรถเชื่อมต่อระหว่างไทย-มาเลเซีย อำนวยความสะดวกการเดินทางแก่ประชาชน การขนส่งสินค้าของทั้งสองประเทศแบบไร้รอยต่อ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายของนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐบาล
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ รฟท. ระบุว่า การเดินทางไปร่วมประชุมฯ ของนายอวิรุทธ์ ทองเนตร รองผู้ว่า รฟท. และคณะผู้แทน รฟท. กับการรถไฟมาเลเซียครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความร่วมมือการให้บริการขนส่งทางรางของทั้ง 2 ประเทศร่วมกันในทุกมิติ ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบหลักการจัดเดินขบวนรถจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์-บัตเตอร์เวอร์ธ รัฐปีนัง สหพันธรัฐมาเลเซีย เพื่อเชื่อมต่อการเดินของชาวไทยและชาวมาเลเซียให้ไปมาหาสู่กันแบบไร้รอยต่อ ซึ่งเป็นการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังได้เห็นชอบให้มีการขยายเส้นทางขบวนรถไฟท่องเที่ยว MySawasdee จากมาเลเซียมาไทย จากเดิมเปิดให้บริการถึงสถานีชุมทางหาดใหญ่ ให้ขยายมาถึงสถานีสุราษฎร์ธานี หลังขบวนรถท่องเที่ยว MySawasdee ได้รับผลตอบรับที่ดีเยี่ยม มีจำนวนผู้โดยสารเต็มทุกเที่ยว การขยายเส้นทางรถไฟท่องเที่ยวนี้จึงเป็นประโยชน์ต่อการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว และนำรายได้เข้าสู่ประเทศเพิ่มขึ้น โดยหลังจากนี้ทั้ง 2 หน่วยงานจะมีการตกลงรายละเอียด และระยะเวลาที่เหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ประชุมฯ เห็นชอบในหลักการแล้ว จะได้มีการตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อพิจารณาการเปิดให้บริการขบวนรถไฟเส้นทางต่อขยายจากสถานีกลางกรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ ไปยังสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ โดยในช่วงแรกจะเป็นการทดลองการเดินรถเป็นระยะเวลา 6 เดือน
ที่ประชุมฯ ยังได้หารือการขยายความร่วมมือทางการขนส่งสินค้า โดยการรถไฟฯ ยินดีสนับสนุนการขนส่งสินค้าข้ามแดนและเส้นทางประเทศไทย อาทิ เส้นทางปาดังเบซาร์-ชุมทางหาดใหญ่ ชุมทางหาดใหญ่-บางกล่ำ/ชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์/กันตัง และปาดังเบซาร์-กรุงเทพ/สะพลี/นาประดู่ เป็นต้น ตลอดจนรับทราบความสำเร็จ ความร่วมมือการเปิดเดินขบวนรถ ASEAN Express เส้นทางมาเลเซีย-ไทย-ลาว-จีน ในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกับมีแผนเพิ่มความถี่ในการเดินขบวนรถ ASEAN Express จากสัปดาห์ละ 1 เที่ยว เป็นสัปดาห์ละ 2 เที่ยวอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงความร่วมมือในการนำรถจักร Class G10 แคร่ BCF Series 26 (ขนาดน้ำหนักกดเพลา 16 ตัน/เพลา) และแคร่ BCF ขนาดน้ำหนักกดเพลา 20 ตัน/เพลา ของการรถไฟมาเลเซียมาใช้ในเส้นทางรถไฟไทย ภายใต้กระบวนการตรวจสอบรายละเอียดทางด้านเทคนิคตามที่การรถไฟแห่งประเทศไทยกำหนด และสุดท้ายยังเห็นชอบให้ร่วมมือจัดอบรมหลักสูตร KTMB038 ด้านความปลอดภัย ทั้งแบบออนไลน์สำหรับผู้ต่อใบอนุญาต และอบรมในสถานที่จริงสำหรับผู้เข้ารับการอบรมครั้งแรก เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถร่วมมือปฏิบัติหน้าที่ในฝั่งมาเลเซียได้ต่อไป
การประชุมความร่วมมือด้านการขนส่งทางรางของไทยและมาเลเซียครั้งนี้ นับได้เป็นการขยายความร่วมมือครั้งสำคัญ ที่จะช่วยยกระดับการเดินทางรถไฟของทั้ง 2 ประเทศ ให้สามารถเชื่อมต่อการเดินทางได้ถึงกันแบบไร้รอยต่อ ก่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยวร่วมกัน และสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการขับเคลื่อนให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว และโลจิสติสก์ของภูมิภาคในอนาคตอีกด้วย