“เจ้าท่า” ระดมทีมนำเรือท้องแบนพระราชทาน ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือต่อเนื่อง
วันนี้ (28 ส.ค.2567) นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กำชับตนเองในฐานะกำกับดูแลกรมเจ้าท่า ให้นำกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมด้วยเรือท้องแบนพระราชทาน และยานพาหนะต่าง ๆ ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือพร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
รวมถึงให้เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงช่วงวันที่ 30 ส.ค. – 5 ก.ย.2567 เนื่องจากอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูง และคาดว่าจะมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการเดินเรือ และชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำบางปะกง มีความเสี่ยงน้ำท่วมบริเวณชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว และบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร ในพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ โดยคาดการณ์ว่าระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ จ.สมุทรปราการจะมีความสูงประมาณ 1.70 -2 เมตร
ด้าน นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) กล่าวว่า ได้รับการกำชับและสั่งการจากกระทรวงคมนาคม ให้ทุกหน่วยงานของกรมเจ้าท่า ทั้งที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย และพื้นที่เฝ้าระวังระดับน้ำบูรณาการและเตรียมพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ เรือท้องแบนพระราชทาน ยานพาหนะ อุปกรณ์ต่าง ๆ ออกช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนอย่างเต็มกำลัง
และจากที่กรมชลประทาน ได้ออกประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำและการบริหารลุ่มน้ำเจ้าพระยา ฉบับที่ 4 แจ้งว่าพบร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังแรงขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 24-30 ส.ค.2567 ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 40 – 80 เซนติเมตร
ในการนี้ เพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ กรมเจ้าท่า ได้ออกประกาศกรมเจ้าท่าที่ 211/2567 เรื่องให้ระมัดระวังการเดินเรือจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น แจ้งเตือนขอให้ผู้ควบคุมเรือกลลำน้ำ ผู้ควบคุมเรือลากจูง และเรือลำเลียงที่บรรทุกสินค้าในแม่น้ำเจ้าพระยาดำเนินการ ดังนี้
1.การลากจูงเรือลำเลียงที่บรรทุกสินค้าในแม่น้ำเจ้าพระยา ต้องมีเรือดึงท้ายซึ่งมีกำลังของเครื่องจักรไม่น้อยกว่ากำลังเครื่องจักรของเรือลากจูง พร้อมจัดคนประจำเรือควบคุมเรือตลอดเวลา
2.ระมัดระวังการเดินเรือจากปริมาณน้ำที่สูงขึ้น ขณะผ่านช่องลอดสะพาน และจากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวในระยะนี้
3.ควบคุมเรือด้วยความเร็วที่เหมาะสมและปลอดภัย โดยให้ระมัดระวังประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ
- ตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยการเดินเรือ อุปกรณ์สื่อสาร และอุปกรณ์ความปลอดภัยประจำเรือให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้และใช้การได้ปกติ
5.ปฏิบัติตามประกาศสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค และภูมิภาคสาขาในพื้นที่อย่างเคร่งครัด
สำหรับพื้นที่ที่เดือดร้อนจากภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งนี้สามารถติดต่อ ขอความช่วยเหลือได้ที่ สายด่วนกรมเจ้าท่า 1199 ตลอด 24 ชั่วโมง