“กรมทางหลวง” เดินหน้าพัฒนาโครงข่ายทางหลวงแนวใหม่เชื่อม ต.ม่วงเจ็ดต้น อ.บ้านโคก – จุดผ่านแดนถาวรภูดู่ จ.อุตรดิตถ์ ระยะทาง 5.345 กม. คาดเริ่มสร้างปี 2572 เสริมคมนาคมไทย – สปป.ลาว
นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ระบุว่า กรมทางหลวงขานรับนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม “คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” ดำเนินการโครงการสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ กรมทางหลวง โดยสำนักสำรวจและออกแบบ ได้เร่งดำเนินโครงการสำรวจและออกแบบทางหลวงขนาด 4 ช่องจราจร ทางหลวงแนวใหม่เชื่อม ต.ม่วงเจ็ดต้น อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์ – จุดผ่านแดนถาวรภูดู่ จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก – ตะวันตก ที่จะช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุน ระหว่างไทยกับ สปป.ลาว
จุดผ่านแดนถาวรภูดู่เป็นด่านการค้าชายแดนถาวร สังกัดด่านศุลกากรทุ่งช้าง นับเป็นจุดผ่านแดนถาวรไทย-ลาว แห่งที่ 3 ของประเทศไทย ที่เชื่อมต่อกับแขวงไชยบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 บ้านม่วงเจ็ดต้น ต.ม่วงเจ็ดต้น อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ โดยประชาชนใช้ถนนบ้านม่วงเจ็ดต้น – ด่านภูดู่ เป็นเส้นทางสายหลักในการเดินทาง ปัจจุบันสภาพถนนเดิมมีขนาด 2 ช่องทางจราจร (ไป – กลับ) มีไหล่ทางแคบ แนวถนนคดโค้งและลาดชัน ทำให้ผู้ใช้ทางไม่ได้รับความสะดวกและปลอดภัย อีกทั้งแนวเส้นทางบางช่วงตัดผ่านพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้น 2 เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด และอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ซึ่งเส้นทางดังกล่าวไม่สามารถรองรับปริมาณจราจรที่เพิ่มมากขึ้นจากการขนส่งสินค้าได้ กรมทางหลวงได้เล็งเห็นความสำคัญอันเป็นผลประโยชน์ต่อประชาชน จึงได้ดำเนินโครงการทางหลวงแนวใหม่ โดยการออกแบบแนวเส้นทางเน้นความเหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศ ศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างละเอียด
มีจุดเริ่มต้นโครงการบนทางหลวงหมายเลข 117 สายนครสวรรค์ – ม่วงเจ็ดต้น กม.ที่ 396+340 ตัดผ่านพื้นที่หน่วยป้องกันและรักษาป่าอุตรดิตถ์ที่ 8 ตัดผ่านทางหลวงหมายเลข 1268 ผ่านพื้นที่เกษตรกรรม ตัดผ่านพื้นที่เนินเขาและช่องเขา และสิ้นสุดที่จุดผ่านแดนถาวรภูดู่ (บริเวณด่านภูดู่ – เขตชายแดน สปป.ลาว) รวมระยะทางประมาณ 5.345 กิโลเมตร
มีรูปแบบโครงการก่อสร้างเป็นทางหลวง ขนาด 4 ช่องจราจร (ไป – กลับ) ช่องจราจรกว้าง 3.50 เมตร ไหล่ทางกว้าง 2.50 เมตร ผิวทางคอนกรีต ก่อสร้างทางแยกต่างระดับ (Flyover) และสะพานโค้ง (Arch Bridge) บนทางหลวงหมายเลข 1268 สายเหมืองแพร่ – ปางไฮ พร้อมการจัดภูมิสถาปัตยกรรมเพื่อแสดงอัตลักษณ์ของจังหวัดอุตรดิตถ์
สำหรับความก้าวหน้าของโครงการในปัจจุบัน กรมทางหลวงได้รับอนุญาตเข้าศึกษาหรือวิจัยทางวิชาการจากกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า และดำเนินการเก็บตัวอย่างคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด และพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ ภูสอยดาว ตามแนวเส้นทางโครงการ จากนั้นจะจัดทำร่างมาตรการป้องกัน และแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อเผยแพร่ข้อมูลก่อนการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่โครงการต่อไป
โครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายทางหลวง อำนวยความสะดวกในการเดินทางและเพิ่มศักยภาพการค้าชายแดนกับ สปป.ลาว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมในการพัฒนาโครงข่ายโลจิสติกส์ เพื่อเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งกับประเทศเพื่อนบ้าน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน คาดว่าจะดำเนินการเสนองบประมาณได้ในปี 2572 และคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปี 2575