“กรมทางหลวงชนบท” เดินหน้าก่อสร้างขยายถนน 4 เลน ถนนสาย ชบ.3023 เชื่อม พานทอง – บ้านบึง จ.ชลบุรี งบประมาณ 879.800 ล้านบาท คืบหน้ากว่า 69% คาดเปิดใช้ต้นปี 69 เสริมโครงข่ายโลจิสติกส์ หนุนเศรษฐกิจการค้าภาคตะวันออก พร้อมแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดให้กับผู้ใช้ทางอย่างยั่งยืน
นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ระบุว่า คืบหน้าโครงการก่อสร้างถนนสาย ชบ.3023 แยก ทล.315 – บ้านหนองปลาไหล อำเภอพานทอง, บ้านบึง จังหวัดชลบุรีว่า ปัจจุบันผลงานมีความคืบหน้ากว่า 69% คาดว่าในช่วงต้นปี 2569 จะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และสามารถเปิดให้ประชาชนใช้ในการสัญจรได้ ซึ่งโครงการดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงโครงข่ายโลจิสติกส์ การคมนาคมขนส่งสินค้าในพื้นที่ภาคตะวันออกให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ยกระดับมาตรฐานความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยในการเดินทาง รวมทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณคอขวดเดิมให้มีความคล่องตัวเพิ่มขึ้น
เนื่องจากถนนสายดังกล่าวเป็นถนนสายหลักที่ประชาชนใช้สัญจรจากอำเภอบ้านบึงไปยังอำเภอพานทอง หรือเชื่อมไปยังทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ผ่าน ทล.315 และเป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างแหล่งอุตสาหกรรมในพื้นที่ จึงทำให้มีปริมาณการจราจรต่อวันเป็นจำนวนมาก
สำหรับโครงการดังกล่าว ก่อสร้างระยะทาง 12.242 กิโลเมตร ตั้งแต่ กม.ที่ 0+000 (บริเวณแยก ทล.315 กม.ที่ 14+600) ถึง กม.ที่ 12+242 (บริเวณถนนวิฑูรย์ดำริ บ้านหนองปลาไหล) แบ่งเป็น
ถนนผิวจราจรคอนกรีตเสริมเหล็ก ระยะทาง 9.200 กิโลเมตร ตั้งแต่ กม.ที่ 0+000 ถึง กม.ที่ 9+200 ความกว้างผิวทาง 14 เมตร ขนาด 4 ช่องจราจร ไหล่ทางกว้างข้างละ 2 – 3 เมตร ทางเท้ากว้างข้างละ 3.40 – 3.70 เมตร และถนนผิวจราจรแอสฟัลต์คอนกรีต ระยะทาง 3.042 กิโลเมตร ตั้งแต่ กม.ที่ 9+200 ถึง กม.ที่ 12+242 ความกว้างผิวทาง 13 – 14 เมตร ขนาด 4 ช่องจราจร ไหล่ทางกว้างข้างละ 1 – 2.50 เมตร และทางเท้ากว้างข้างละ 2.90 – 3.70 เมตร
รวมทั้งก่อสร้างสะพานใหม่ทดแทนสะพานเดิม จำนวน 3 แห่ง ปรับปรุงขยายสะพานเดิม จำนวน 1 แห่ง พร้อมติดตั้งระบบระบายน้ำ ไฟฟ้าแสงสว่าง และสิ่งอำนวยความปลอดภัย โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 879.800 ล้านบาท
ส่วนเรื่องการอำนวยความสะดวกและปลอดภัยระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ ทช. ให้ความสำคัญ ทั้งการติดตั้งป้ายเตือน สัญญาณไฟกระพริบ สัญญาณไฟฟ้าส่องสว่าง และอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยตลอดแนวโครงการ เพื่อเป็นการแจ้งเตือนประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนให้ขับขี่ยานพาหนะด้วยความระมัดระวัง รวมทั้งการรดน้ำบริเวณโครงการก่อสร้าง เพื่อลดมลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ช่วยบรรเทาปัญหาที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนผู้อาศัยใกล้เคียงพื้นที่ก่อสร้างและประชาชนผู้สัญจรผ่านบริเวณดังกล่าวอีกด้วย