บุกจับเรือลักลอบขน “น้ำมันเถื่อน” บริเวณปากน้ำเจ้าพระยา
“เจ้าท่าสมุทรปราการ” บูรณาการบุกจับเรือลักลอบขนน้ำมันเถื่อน 700,000 ลิตร บริเวณปากน้ำเจ้าพระยา พร้อมเปรียบเทียบปรับสูงสุดตามกฎหมาย
กรมเจ้าท่า (จท.) ระบุว่า เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2566 เวลาประมาณ 07.00 น. สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุ เรือธนสิทธิ์ หมายเลขทะเบียนเรือ 636502515 ประเภทเรือกลเดินทะเลเฉพาะเขต ประเภทการใช้ บรรทุกน้ำมันเตา ขนาด 560 ตันกรอส พบบริเวณปากร่องแม่น้ำเจ้าพระยา จ.สมุทรปราการ
โดยมีเจ้าของเรือ บริษัท ปากอ่าว จำกัด พบนายณัฐชนน ขุนอาวุธ ผู้ควบคุมเรือของเรือธนสิทธิ์ พร้อมลูกเรือ 5 คน ให้การรับสารภาพ พร้อมของกลางน้ำมันเบนซินที่ไม่ผ่านกระบวนการทางศุลกากร จำนวนประมาณ 700,000 ลิตร ตรวจพบใบอนุญาตใช้เรือหมดอายุ ใช้เรือผิดเงื่อนไขในใบอนุญาต ไม่มีประกาศนียบัตรผู้ทำการในเรือ ไม่แจ้งเรือออก และไม่แจ้งผู้ทำการงานในเรือ
ซึ่งการลงทำการในเรือโดยไม่ได้รับประกาศนียบัตรเป็นความผิดตามมาตรา 282 แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 49 พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2525 บัญญัติว่า “ผู้ทำการในเรือในตำแหน่งที่กฎข้อบังคับสำหรับการตรวจเรือกำหนดให้ต้องมีประกาศนียบัตรรับรองความรู้ความสามารถ โดยมิได้รับประกาศนียบัตรรับรองความรู้ความสามารถอันถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับตั้งแต่หนึ่งพันถึงหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าทำการในเรือในขณะที่ประกาศนียบัตรสิ้นอายุแล้ว ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท”
ในการนี้ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ ได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สภ.พระสมุทรเจดีย์ ในบทลงโทษที่มีอัตราโทษจำคุก และเปรียบเทียบปรับในบทลงโทษที่มีโทษปรับสถานเดียวโดยเปรียบเทียบปรับในอัตราโทษสูงสุด ตามที่กฎหมายได้ให้อำนาจไว้
พร้อมสั่งห้ามให้เรือดังกล่าวจนกว่าเจ้าของเรือหรือผู้ครอบครองเรือจะต่ออายุใบอนุญาตใช้เรือและผ่านการตรวจจากเจ้าพนักงานตรวจเรือเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ กรมเจ้าท่า ร่วมบูรณาการการตรวจร่วมกับ ศรชล. และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้เกิดประสิทธิภาพการตรวจสอบและจับกุมเรือขนส่งในขบวนการลักลอบขนน้ำมันเถื่อนหรือผู้กระทำความผิดที่ดียิ่งขึ้น