“ไปรษณีย์ไทย&บขส.” พร้อมให้บริการขนส่ง “ฮับทูฮับ” เม.ย.นี้
“ไปรษณีย์ไทย x บขส.” ผนึกเครือข่ายยานพาหนะ-เส้นทางเดินรถบริการขนส่ง “ฮับทูฮับ” ช่วยกระจายสินค้าพร้อมเพิ่มทางเลือกการขนส่งให้สะดวกอีกขั้น พร้อมเริ่มบริการ เม.ย.นี้
วันนี้ (8 มี.ค.2566) ดร.สัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และ ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ร่วมลงนามในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ บขส. ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 4 อาคารสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร)
ดร.สัญลักข์ เปิดเผยว่า ตามที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบทบทวนมติ ครม. เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2502 เรื่องการเดินรถขนส่งต่างจังหวัด จากเดิมให้ บขส. รับภาระเฉพาะเดินรถโดยสาร เป็นให้มีภารกิจด้านการขนส่งผู้โดยสาร และการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ บขส. พิจารณาแนวทางการดำเนินธุรกิจ ร่วมกับ ไปรษณีย์ไทย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล
สำหรับเป็นทางเลือกในการให้บริการประชาชน บขส. และ ไปรษณีย์ไทย จึงได้ร่วมกันพิจารณาหาแนวทางในการพัฒนาธุรกิจรับ-ส่งพัสดุภัณฑ์ เพื่อส่งเสริม สนับสนุนและบูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและเครือข่ายของทั้งสองหน่วยงานที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทั้งนี้ บขส. ได้พัฒนาบริการรับ-ส่งพัสดุภัณฑ์ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ ปัจจุบัน บขส. มีศูนย์รับส่งพัสดุภัณฑ์หลักอยู่ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) และมีสาขารับ-ส่งพัสดุภัณฑ์ รวมถึงตัวแทนรับ-ส่งพัสดุภัณฑ์ กระจายอยู่ทั่วประเทศ รวม 175 แห่ง สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ทางไปรษณีย์ไทย จะเข้ามาช่วยสนับสนุน บขส. ในการขนส่งสินค้าจากสถานีต้นทาง และสถานีปลายทาง และในอนาคตจะมีการขยายความร่วมมือในการให้บริการขนส่งสินค้าไปยังผู้รับสินค้าต่อไป
ด้าน ดร.ดนันท์ กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างไปรษณีย์ไทย และ บขส.จะเริ่มต้นในช่วงเดือน เม.ย.นี้ โดยไปรษณีย์ไทยจะเป็นผู้นำยานพาหนะเข้าไปรับสิ่งของในสถานีขนส่งผู้โดยสารของ บขส. ซึ่งปัจจุบันได้มีการพัฒนาพื้นที่บางส่วนให้เป็นศูนย์รับฝากพัสดุภัณฑ์ จากนั้นจะนำสิ่งของไปยังศูนย์กระจายสินค้าในภูมิภาคต่าง ๆ
ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับทั้งสองฝ่ายได้ โดยเฉพาะจากกลุ่มเป้าหมายหลักอย่างผู้ประกอบการรายย่อยที่ค้าขายทั้งในช่องทางออนไลน์-ออฟไลน์ และแต่ละรายมีคู่ค้า ที่กระจายอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังจะทำให้สินค้าถูกนำจ่ายได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยลดความกังวลของสินค้าที่ค้างตามศูนย์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย
ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการดำเนินงานตามแนวคิด Sharing Economy ซึ่งทั้งไปรษณีย์ไทย และ บขส. นับเป็นผู้ที่มีความชำนาญด้านเส้นทาง มีเครือข่ายและยานพาหนะที่สามารถรองรับการขนส่งได้ทั่วประเทศ ทั้งนี้ รูปแบบของการดำเนินงานจะเป็นการส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์จากศูนย์กระจายสินค้าหนึ่ง ไปยังศูนย์กระจายสินค้าอีกแห่งหนึ่ง หรือ Hub to Hub และการส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์จากศูนย์กระจายสินค้าหนึ่งส่งมอบให้กับผู้รับปลายทาง หรือ Hub to Door
โดยในปี 2566 จะเริ่มต้นด้วยการดำเนินงานแบบแรกคือ Hub to Hub ซึ่งเป็นการนำพัสดุภัณฑ์ที่ฝากส่งกับ บขส. มาส่งผ่านรถยนต์ขนส่งของไปรษณีย์ไทยไปยังศูนย์กระจายสินค้าต่าง ๆ ในภาพรวมคาดว่าจะมีปริมาณงานขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 350 ชิ้น/เที่ยว (ไป-กลับ) หรือ 10,500 ชิ้น/ เดือน สำหรับรถขนส่งของ บขส. 1 คัน และตอบโจทย์ กับกลุ่มสินค้าประเภทเกษตรกรรม อาหาร สิ่งของขนาดพิเศษ อีคอมเมิร์ซ ฯลฯ ที่ต้องการกระจาย-จำหน่ายสินค้าในพื้นที่อื่น ๆ