“ครม.” อนุมัติ ทางด่วนฉลองรัชส่วนต่อขยาย ช่วง ”จตุโชติ-ถนนลำลูกกา” ระยะทาง 16.21 กม. เงินลงทุน 2.4 หมื่นล้าน ใช้งบประมาณ เวนคืนที่ดิน ค่าก่อสร้าง กทพ. ระดมทุนผ่าน TFF และ ออกพันธบัตร เตรียมสร้างปีนี้ เสร็จปี 70 เพิ่มความสะดวก-ปลอดภัยในการเดินทาง
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2566 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ดำเนินโครงการทางพิเศษฉลองรัชส่วนต่อขยาย (ช่วงจตุโชติ-ถนนลำลูกกา) ระยะทาง 16.21 กม. เพื่อรองรับการเดินทางและการขนส่งสินค้าระหว่างพื้นที่ กทม. และจังหวัดใกล้เคียง
นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาปัญหาจราจรติดขัดบนถนนรังสิต-นครนายก และโครงข่ายถนนโดยรอบ เพิ่มทางเลือกการเดินทางของประชาชนระหว่างจังหวัดปทุมธานีและจังหวัดใกล้เคียงเข้าสู่กรุงเทพฯ ชั้นใน รองรับการขยายตัวของแหล่งชุมชน ที่อยู่อาศัยสถานศึกษาและนันทนาการของภาครัฐทั้งที่เปิดบริการแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนา
สำหรับโครงการฯ มีมูลค่าการลงทุน 24,060 ล้านบาท แยกเป็นค่าจัดกรรมสิทธิที่ดิน 3,726 ล้านบาท ใช้งบประมาณรัฐบาล ส่วนค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงาน 20,333 ล้านบาท กทพ. ระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFF) 14,374 ล้านบาท และออกพันธบัตรในกรอบวงเงิน 5,960 ล้านบาท
โครงการฯ เป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร (ไป-กลับ) ระยะทาง 16.21 กม. มีจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อกับทางพิเศษฉลองรัชที่ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษจตุโชติบริเวณถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพด้านตะวันออก (ถนนกาญจนาภิเษก) และมุ่งหน้าทางทิศตะวันออกตัดถนนหทัยราษฎร์และถนนนิมิตใหม่ แล้วเลี้ยวขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเชื่อมต่อถนนลำลูกกา จ.ปทุมธานี
การก่อสร้างโครงการจะมีทางแยกต่างระดับ 1 แห่ง และทางขึ้นลง 3 แห่ง ได้แก่ 1.ทางแยกต่างระดับจตุโชติ 2.ทางขึ้นลงจตุโชติ1 และหทัยราษฎร์ 1 3.ทางขึ้น-ลง หทัยราษฎร์ 2 และ 4.ทางขึ้น-ลง ถนนลำลูกกา มีด่านเก็บค่าผ่านทาง 3 ด่าน คือ ด่านจตุโชติ ด่านหทัยราษฎร์ และด่านลำลูกกา กทพ. ใช้เวลาดำเนินการก่อสร้าง 5 ปี ระหว่าง 2566-2570
สำหรับแผนงานดังนี้ เดือน มี.ค.-ก.ย.2566 เสนอร่าง พรฎ. เพื่อจัดกรรมสิทธิที่ดิน คัดเลือกผู้ควบคุมงานก่อสร้างและคัดเลือกผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการ ระหว่าง ต.ค.2566-ก.ย.2568 ดำเนินการจัดกรรมสิทธิ และระหว่าง ก.ย.2567-ส.ค. 2570 ก่อสร้างโครงการ สำหรับการเวรคืนที่ดิน ใช้งบประมาณ 3,726 ล้านบาท เวนคืน 471 ไร่ มีอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับผลกระทบ 134 หลัง