“คมนาคม” ปลูกป่าชายเลน-อนุรักษ์ป่า @ระนอง
“คมนาคม” ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กว่า 300 คน เดินหน้า ยกระดับคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
วันนี้ (23 มี.ค.2566) ณ พื้นที่ป่าชายเลน บริเวณท้องที่บ้านเขาสังข์ หมู่ที่ 3 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง นายกริชเพชร ชัยช่วย ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เป็นประธานเปิดโครงการปลูกป่าชายเลน และอนุรักษ์ป่าและป่าชายเลน บริเวณ จ.ระนอง ประจำปี 2566 เพื่อยกระดับคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ที่จัดขึ้นโดยการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) โดยมีนายอภิเสต พงษ์สุวรรณ รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ นายราชัน มีน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พร้อมด้วยผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ พนักงาน กทท. หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกิจกรรมฯ
นายกริชเพชร กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่ป่าชายเลนถูกบุกรุกและถูกนำไปใช้ในประโยชน์ด้านอื่น ๆ ทำให้มีพื้นที่ลดลงอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของประเทศไทย การจัดกิจกรรมฯ ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อมุ่งเน้นการเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยสร้างโอกาสให้ชุมชนและหน่วยงานทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้ชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศเป็นหนึ่งในตัวการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และส่งผลกระทบต่อประเทศในหลายด้าน
รวมทั้งในเชิงมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ ระบบนิเวศชายฝั่ง ซึ่งประกอบด้วยหญ้าทะเล (Seagrass Meadows) ที่ลุ่มน้ำเค็ม (Salt Marshes) และป่าชายเลน (Mangrove Forests) หรือที่เรียกว่าเป็น ‘Blue Carbon Ecosystem’ จึงถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยดูดซับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อคงไว้ซึ่งระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล ช่วยป้องกันน้ำท่วม และการพังทลายของชายฝั่ง รวมทั้งเป็นส่วนช่วยในการปรับตัวให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Adaptation) ซึ่งช่วยลดผลกระทบและลดค่าความเสียหายที่มีต่อเศรษฐกิจลง
ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมฯ ได้รับความร่วมมือจากศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 6 (เมืองระนอง) และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่มุ่งมั่นในการจัดหาพื้นที่ป่าชายเลนที่เสื่อมโทรม เพื่อร่วมกันฟื้นฟูให้เกิดพื้นที่ป่าชายเลนที่สมบูรณ์ รวมทั้งหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุน และร่วมกิจกรรมฯ ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ ทั้งหมดประมาณ 300 คน