กรมการขนส่งทางบก เตือน!!!ประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนในการเดินทางช่วงวันหยุดต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น เมาแล้วขับ และใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แนะ!!!เจ้าของรถสามารถตรวจเช็กความพร้อมของรถก่อนออกเดินทาง
นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และโฆษก ขบ. ระบุว่า ในวันที่ 28 ก.ค.-2 ส.ค.2566 เป็นช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่องหลายวัน กรมฯ คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือเดินทางไปพักผ่อนท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ทำให้ปริมาณรถบนท้องถนนมีจำนวนมากและเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ในหลายพื้นที่ กรมฯ ได้ประสานสำนักงานขนส่งทั่วประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการอำนวยความสะดวกและขอประชาสัมพันธ์ เตือน!!! ผู้ขับขี่ให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ ดังนี้
ขับรถโดยไม่ใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งช่วงก่อนและขณะขับรถ รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการทานยาที่มีฤทธิ์กดประสาท จำพวกยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ซึ่งส่งผลให้ความสามารถในการขับรถลดน้อยลง ไม่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ไม่ว่าจะเป็นการกดรับโทรศัพท์หรือการพิมพ์ข้อความ หากมีความจำเป็นควรใช้อุปกรณ์เสริมในการสนทนาทางโทรศัพท์ อาทิ หูฟัง บลูทูธ หรือจอดรถคุยในบริเวณที่ปลอดภัย ไม่ขับรถขณะง่วงนอน หากต้องขับรถระยะทางไกลหลายกิโลเมตรให้จอดพักรถบริเวณที่ปลอดภัย เพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ หรือพักหลับ 10-15 นาที
ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง และต้องเลือกใช้หมวกนิรภัยที่มีคุณภาพตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ซึ่งมีผลการศึกษาพบว่าการสวมหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานจะช่วยลดระดับความรุนแรงของการบาดเจ็บและช่วยป้องกันการสูญเสียชีวิต ส่วนผู้ขับรถ รวมถึงผู้โดยสาร ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคลและรถโดยสารสาธารณะ ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งและตลอดการเดินทาง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายกระเด็นออกไปนอกตัวรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงเพื่อลดอาการบาดเจ็บจากแรงกระแทก และต้องปฏิบัติตามกฎจราจรและป้ายเตือนอย่างเคร่งครัด
การเช็กความพร้อมของรถก่อนออกเดินทางก็มีความสำคัญ หากเครื่องยนต์หรือรถไม่สมบูรณ์อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกขอแนะนำให้เจ้าของรถตรวจเช็กรถให้มีความพร้อมก่อนออกเดินทาง ดังนี้
1.ตรวจเช็กระบบเบรก ระบบช่วงล่าง และระบบบังคับเลี้ยวของรถ
2.ตรวจระบบไฟฟ้ารถยนต์
3.ตรวจเช็กระบบน้ำรวมถึงหม้อน้ำของรถ
4.ตรวจเช็กล้อและลมยาง (ลมยางทุกล้อต้องเท่ากัน)
5.ตรวจเช็กระบบน้ำมันเชื้อเพลิงและไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง
6.ตรวจเช็กระดับน้ำมันเครื่อง
7.สังเกตเสียงทำงานของเครื่องยนต์ เสียงท่อไอเสีย ว่ามีเสียงดังผิดปกติหรือไม่ เพราะเสียงเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปกติของรถยนต์และเครื่องยนต์ได้