“ไทยเวียตเจ็ท” ลุยงาน Garbage Hunter: Scubar Project ครั้งแรก
“ไทยเวียตเจ็ท” เตรียมจัดงาน Garbage Hunter: Scubar Project ครั้งแรก @เกาะแสมสาร จ.ชลบุรี วันที่ 14-15 ส.ค.นี้ ต่อยอดจากโครงการริเริ่ม ‘Garbage Hunter’ เดินหน้าภารกิจหลักกำจัดขยะจากสถานที่ต่างๆ ในประเทศไทย
วันนี้ (10 ส.ค.2566) สายการบินไทยเวียตเจ็ท สานต่อความมุ่งมั่นในการปกป้องสิ่งแวดล้อมภายใต้กองทุนฟลายกรีนฟันด์ เตรียมจัดงาน ‘Garbage Hunter: Scuba Project’ เป็นครั้งแรก ท่ามกลางอ่าวไทย ณ เกาะแสมสาร จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 14-15 ส.ค.2566 ต่อยอดจากโครงการริเริ่ม ‘Garbage Hunter’ ซึ่งมีภารกิจหลักเพื่อกำจัดขยะจากสถานที่ต่างๆ ในประเทศไทย
โครงการ ‘Garbage Hunter’ ก่อตั้งขึ้นเมื่อต้นปี พ.ศ.2565 โดยมีภารกิจหลักในการกำจัดขยะจากสถานที่ต่างๆ ในประเทศไทย สร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมแก่พนักงานและสมาชิกของสายการบินฯ รวมถึงขับเคลื่อนความตระหนักด้านความยั่งยืน มุ่งลดขยะและของเสียจากสิ่งแวดล้อม นับตั้งแต่ก่อตั้งโครงการ ไทยเวียตเจ็ทประสบความสำเร็จจากการจัดงาน ‘Garbage Hunter’ กว่า 10 ครั้ง ในหลายจังหวัดทั่วประเทศไทย อาทิ ภูเก็ต เชียงราย เชียงใหม่ กระบี่ อุดรธานี ฯลฯ
โดยโครงการใหม่ ‘Garbage Hunter: Scuba Project’ ที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นการขยายขอบเขตจากการกำจัดขยะบนพื้นดินลงลึกสู่มหาสมุทร เพื่อปกป้องชีวิตสัตว์ทะเลและรักษาสิ่งแวดล้อมใต้น้ำ ถือเป็นโอกาสพิเศษที่ผู้เข้าร่วมสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ มากมาย โดยไฮต์ไลท์คือการดำน้ำ ณ เกาะแสมสาร จ.ชลบุรี เพื่อมีส่วนร่วมในการกำจัดขยะในมหาสมุทร
“ในฐานะผู้ให้บริการขนส่งทางอากาศ ไทยเวียตเจ็ทให้ความสำคัญในการรับผิดชอบต่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม เรามุ่งมั่นลดมลพิษจากการปฏิบัติการบินของเราโดยการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กองทุนฟลายกรีนฟันด์เพื่อปกป้องและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เราหวังว่าโครงการต่างๆ ที่เราดำเนินการอย่างต่อเนื่องจะมีส่วนช่วยในการบรรเทาปัญหาโลกร้อนที่มนุษยชาติกำลังเผชิญ” นายปิ่นยศ พิบูลสงคราม ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยเวียตเจ็ท กล่าว
ด้วยโครงการ ‘Garbage Hunter’ ที่ไทยเวียตเจ็ทจัดขึ้นร่วมกับองค์กรต่างๆ อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี สายการบินฯ คาดว่าจะสามารถกำจัดขยะอย่างน้อย 5 ตันต่อปี จากสถานที่ต่างๆ ในประเทศไทย นอกเหนือจากพนักงานของสายการบิน ไทยเวียตเจ็ทมุ่งส่งต่อความร่วมมือไปยังเพื่อนและครอบครัวของพนักงาน ตลอดจนประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวในประเทศไทยต่อไปในอนาคต