“กทท.” โชว์นโยบายพัฒนาท่าเรือ เพิ่มประสิทธิภาพขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก
“กทท.” ตอกย้ำแนวทางการพัฒนาท่าเรือกรุงเทพ-ท่าเรือแหลมฉบัง เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก-ลดจราจรติดขัด หลังพบการขนส่งสินค้าทางบกมากกว่า 90% เป็นกลไกสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ
นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ระบุว่า ได้เป็นประธานในพิธีเปิดและบรรยายพิเศษในหัวข้อ “นโยบายพัฒนาท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบังที่มีผลต่อประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก” ในงานประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ของสมาคมขนส่งสินค้านำเข้าและส่งออก ภายใต้ชื่องาน Bangkok Truck Show เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในการพัฒนาการขนส่งสินค้าทางบกให้ก้าวหน้าสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาโลจิสติกส์ของประเทศ
โดยมี ดร.สุนทร ผจญ นายกสมาคมขนส่งสินค้านำเข้าและส่งออก นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสมาพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย มิสเตอร์ ที โคจิมะ ผจก.ฝ่ายขายรถใหญ่ บ.ตรีเพชร อีซูซุเซลส์ จำกัด พร้อมด้วยผู้แทนสมาคมและสมาพันธ์การให้บริการโลจิสติกส์ไทยและแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานฯ ณ โรงแรมซันทารา เวลเนส รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับการบรรยายพิเศษ ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า การขนส่งสินค้าทางบกเป็นกลไกสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ สินค้ามากกว่า 90% เป็นการขนส่งโดยรถบรรทุก การประชุมในครั้งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาโลจิสติกส์ของไทย ซึ่งการพัฒนาจะเกิดจากความร่วมมือจากทุกสมาคมสมาพันธ์ที่ร่วมกันผลักดันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์
กทท. ได้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการขนส่งอย่างต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transportation) ได้แก่ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ระยะที่ 3 และโครงการพัฒนาท่าเรือบก โดยจุดแรกจะมุ่งไปที่ภาคอีสานใน จ.ขอนแก่นและนครราชสีมา เนื่องจากมีการขนส่งสินค้าเป็นจำนวนมาก และรองรับสนับสนุนโครงการ ทลฉ.ระยะที่ 3
อย่างไรก็ตามสำหรับแนวทางการพัฒนา เพื่อรองรับการขนส่งทางบกโดยรถบรรทุก ในส่วนของท่าเรือกรุงเทพมีโครงการที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและลดปัญหาการจราจรติดขัด ได้แก่ โครงการพัฒนาเส้นทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพและทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ (S1) เป็นทางด่วนเส้นขยายแยกรถบรรทุกออกจากเส้นทางสัญจร
ส่วนท่าเรือแหลมฉบัง ได้ชูสองโครงการหลักได้แก่ โครงการพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อช่วยบริหารเวลารถบรรทุกเข้าออก ทลฉ. (Truck Queue) เป็นระบบจองเวลาล่วงหน้าในการนำรถบรรทุกเข้ามารับ-ส่งสินค้าภายในเขตท่าเรือ ซึ่งจะมีโครงการพัฒนาลานจอดรถบรรทุก (Truck Parking) เป็นโครงการสนับสนุน โดยหากได้จองเวลาในระบบ Truck Queue แล้ว แต่นำรถเข้ามาก่อนเวลาก็จะต้องเข้าไปจอดรอในลานจอดรถบรรทุก Truck Parking ที่จัดเตรียมไว้ในพื้นที่ 90 ไร่ ภายในพื้นที่จะมีศูนย์อาหาร ร้านสะดวกซื้อ จุดบริการรถไฟฟ้า EV ห้องอาบน้ำ ฯลฯ เพื่อเป็นจุดพักผ่อนสำหรับคนขับรถบรรทุกและผู้ใช้บริการ
โครงการทั้งหมดนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดทั้งภายในและภายนอกท่าเรืออย่างยั่งยืน ช่วยลดปัญหามลภาวะสิ่งแวดล้อม และลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงตามนโยบายท่าเรือสีเขียว (Green Port)
“การทำงานของ กทท. ต้องประสานทุกภาคส่วนของการขนส่ง เพื่อให้เกิดโครงข่ายการเชื่อมโยงทุกรูปแบบ ลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ รองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ควบคู่กับการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ต้องคำนึงถึงการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวทิ้งท้าย